รู้จัก “โรคแอนแทรกซ์” ติดเชื้อจากไหน - อาการเป็นอย่างไร?

รู้จัก “โรคแอนแทรกซ์” ติดเชื้อจากไหน - อาการเป็นอย่างไร?

รู้จัก โรคแอนแทรกซ์ อันตรายแค่ไหน? 

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคสัตว์ติดคนที่ร้ายแรง โดยเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis เป็นสาเหตุสำคัญในการแพร่ระบาดของโรคนี้ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ โรคนี้สามารถทำให้สัตว์ตายอย่างรวดเร็วและสามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสซากสัตว์หรือการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อแบบสุกๆดิบๆ

สาเหตุและการแพร่โรคติดเชื้อในสัตว์ และ ในคน

โรคแอนแทรกซ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ที่สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายได้เป็นเวลานาน การแพร่กระจายเกิดจากการหายใจ สัมผัส หรือบริโภคเชื้อที่ปนเปื้อนในดินหรือหญ้า ซึ่งสัตว์ที่ติดโรคจะเสียชีวิตภายในเวลา 1-2 วัน

สรุปข่าว

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสามารถแพร่จากสัตว์สู่คนผ่านการสัมผัสหรือบริโภคเนื้อสัตว์ป่วย โรคนี้มีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง แผลที่ผิวหนัง หรือการติดเชื้อในทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร การรักษาได้ผลดีหากทำได้เร็วโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลิน และการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนในสัตว์เลี้ยง

รู้จัก โรคแอนแทรกซ์ อันตรายแค่ไหน? 

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคสัตว์ติดคนที่ร้ายแรง โดยเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis เป็นสาเหตุสำคัญในการแพร่ระบาดของโรคนี้ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อสัตว์และมนุษย์ โรคนี้สามารถทำให้สัตว์ตายอย่างรวดเร็วและสามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสซากสัตว์หรือการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อแบบสุกๆดิบๆ

สาเหตุและการแพร่โรคติดเชื้อในสัตว์ และ ในคน

โรคแอนแทรกซ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis ที่สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายได้เป็นเวลานาน การแพร่กระจายเกิดจากการหายใจ สัมผัส หรือบริโภคเชื้อที่ปนเปื้อนในดินหรือหญ้า ซึ่งสัตว์ที่ติดโรคจะเสียชีวิตภายในเวลา 1-2 วัน

อาการของโรคแอนแทรกซ์ในสัตว์

สัตว์ที่ติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรง เช่น มีไข้สูง หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว และเลือดออกจากช่องทวารต่างๆ ซากสัตว์จะขึ้นอืดและไม่แข็งตัว การตรวจสอบในซากสัตว์จะพบเลือดคั่งและม้ามขยายใหญ่

คนติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์ ได้อย่างไร? มีอาการแบบไหน?

ในคน โรคแอนแทรกซ์ สามารถเกิดได้จากการสัมผัสเชื้อผ่านบาดแผลหรือการบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยแบบสุกๆดิบๆ โดยแสดงอาการในหลายรูปแบบ

1. แอนแทรกซ์ที่ผิวหนัง 
พบมากที่สุด มักเกิดจากการสัมผัสซากสัตว์ติดเชื้อ เช่น หนัง ขน หรือเลือด เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางแผลถลอก ทำให้เกิดตุ่มแดงกลายเป็นตุ่มพอง และกลายเป็นแผลสีดำบริเวณนิ้ว มือ หรือแขน แม้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่หากไม่รักษาอาจลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ ไม่ควรแกะสะเก็ดแผลเด็ดขาดเพราะอาจแพร่เชื้อเพิ่ม

2. แอนแทรกซ์ที่ทางเดินอาหาร
เกิดจากการกินเนื้อสัตว์ที่ติดโรค โดยเฉพาะอาหารดิบหรือไม่สุก เช่น ลาบ ลู่ ผู้ป่วยมีอาการไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสีย บางรายอาจมีมูกเลือดในอุจจาระ ช็อก และเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว

3. แอนแทรกซ์ที่ปากและคอหอย
ติดเชื้อจากการกินเช่นเดียวกับชนิดทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ คอบวม แข็งตึง และกลืนอาหารลำบากเนื่องจากเกิดแผลเนื้อตายบริเวณคอ

4. แอนแทรกซ์ที่ทางเดินหายใจ
พบได้น้อย แต่รุนแรงที่สุด เกิดจากการสูดดมสปอร์ของเชื้อเข้าไป ทำให้มีอาการไอ หายใจลำบาก และเชื้อจะเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณปอด โรคดำเนินเร็วและรักษายาก ผู้ป่วยมักเสียชีวิต

โรคแอนแทรกซ์ ป่วยแล้วรักษาหายไหม?

การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อแอนแทรกซ์สามารถทำได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลิน หรือเตตร้าไซคลิน ซึ่งได้ผลดีเมื่อได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้อจนถึงขั้นเสียชีวิต

ป้องกัน โรคแอนแทรกซ์  ได้อย่างไร

การป้องกันโรคแอนแทรกซ์เริ่มจากการแยกสัตว์ป่วยออกจากฝูงและเผาหรือฝังซากสัตว์อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีการฉีดวัคซีนให้สัตว์ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยการฉีดทุกๆ 6 เดือน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี เมื่อสงสัยว่าสัตว์ตายจากโรคแอนแทรกซ์ ควรหลีกเลี่ยงการเปิดชำแหละซากและรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที การไม่ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่คนและสัตว์อื่นๆ

ที่มาข้อมูล : สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ

ที่มารูปภาพ : Getty Images