โรงพยาบาลยันฮีเปิดตัวศูนย์ข้ามเพศ ต้อนรับ Pride Month

โรงพยาบาลยันฮีเปิดตัวศูนย์ข้ามเพศ ต้อนรับ Pride Month

เตยยี่ ประภัสสร นักเขียนฮีลใจ และ เจินเจิน บุญสูงเนินนักร้องหญิงข้ามเพศคนแรกของไทย ร่วมเวทีเสวนานเปิดตัวศูนย์ข้ามเพศ Yanhee Pride Center โรงพยาบาลยันฮี อย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด  “Journey to Self Love” by Yanhee Support Pride เพื่อเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ข้ามเพศมีความทันสมัยและเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับทุกคนที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 

สรุปข่าว

โรงพยาบาลยันฮีเปิดตัว “ศูนยข้ามเพศ” Yanhee Pride Center อย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด “Journey to Self Love” by Yanhee Support Pride ต้อนรับ Pride month

เตยยี่ ประภัสสร นักเขียนฮีลใจ และ เจินเจิน บุญสูงเนินนักร้องหญิงข้ามเพศคนแรกของไทย ร่วมเวทีเสวนานเปิดตัวศูนย์ข้ามเพศ Yanhee Pride Center โรงพยาบาลยันฮี อย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด  “Journey to Self Love” by Yanhee Support Pride เพื่อเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ข้ามเพศมีความทันสมัยและเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับทุกคนที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านทั้งด้านร่างกายและจิตใจ 

พญ.สิรินทรา สัมฤทธิวณิชชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า ศูนย์ข้ามเพศโรงพยาบาลยันฮีเกิดจากวิสัยทัศน์ของ นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อ านวยการโรงพยาบาล ที่เล็งเห็นว่า “การแปลงเพศ” ไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการทางการแพทย์ แต่เป็น “ศาสตร์และศิลป์ ขั้นสูง” ของศัลยกรรมตกแต่งซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธรรมชาติของแต่ละเพศ รวมทั้งการดูแลแบบสหวิชาชีพเพื่อให้ผลลัพธ์ทั้งด้านกายภาพด้านจิตใจที่มีความกลมกลืนและยั่งยืน โรงพยาบาลยันฮีมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ทั้งเครื่องมือทันสมัย ปลอดภัย และระบบการดูแลที่ได้มาตรฐานระดับโลก จึงได้ลงทุนพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้เป็นต้นแบบของการดูแลผู้ข้ามเพศ ด้วยทีมแพทย์ผู้ช านาญการ พร้อมระบบสนับสนุนที่ครอบคลุมทุกมิติ

“ศูนย์ข้ามเพศของโรงพยาบาลยันฮี จึงเป็นการตอกย้ำพันธกิจของเราที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ข้ามเพศให้เท่าเทียม ด้วยความเข้าใจและมีความเป็นมิตร ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการตัดสินใจ การผ่าตัด และฟื้นฟู ไปจนถึงการดูแลระยะยาว เพราะเรามีความเชื่อว่าการให้บริการผ่าตัดแปลงเพศที่ดี คือการเดินเคียงข้างผู้รับบริการในทุกย่างก้าวอย่างแท้จริง ดูแลครอบคลุมในทุกขั้นตอนทั้งร่างกายและจิตใจ เรียกว่า “ครบจบที่ยันฮี” พญ.สิรินทรา กล่าวย้ำในตอนท้าย

โรงพยาบาลยันฮีเปิดให้บริการ “ศูนย์ข้ามเพศ” ภายใต้แนวคิด “Journey to Self Love” ด้วยรากฐานจากความเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของผู้ข้ามเพศอย่างลึกซึ้ง เพราะผู้ข้ามเพศที่มีความต้องการแปลงเพศต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งไม่เพียงเพื่อให้ได้รูปลักษณ์ตามที่ใจต้องการ แต่เพื่อค้นหาความหมายของชีวิตและการยอมรับในสิ่งที่เป็นอย่างแท้จริง 


ทั้งนี้ โรงพยาบาลยันฮีจึงได้ออกแบบระบบการดูแลที่ครอบคลุมทั้งองค์กร ทุกหน่วยงานมีบทบาทเป็น “เพื่อนคู่คิด” พร้อมให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาและสนับสนุนในทุกมิติของชีวิต เพื่อให้ผู้ข้ามเพศทุกคนรู้สึกปลอดภัย ได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ และอบอุ่นใจในทุกขั้นตอน เพราะผลลัพธ์ที่โรงพยาบาลยันฮีมุ่งหวังไม่ใช่การผ่าตัดส าเร็จเท่านั้น แต่คือ การทำให้ผู้รับบริการมีความมั่นใจและกล้าและยอมรับในการเปลี่ยนแปลงตัวตน ทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นการสร้างชีวิตใหม่ในเส้นทางใหม่ที่ปลอดภัยและมั่นใจ 

ศูนย์ข้ามเพศของโรงพยาบาลยันฮีมีจุดเด่นที่การดูแลแบบสหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) ซึ่งประกอบด้วยแพทย์จากหลายสาขาที่ได้รับการฝึกอบรมและดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีจิตแพทย์ทำหน้าที่ประเมินสภาวะจิตใจและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ศัลยแพทย์ตกแต่งดูแลผ่าตัดแปลงเพศและศัลยกรรมเสริมความงาม (ปรับโครงสร้างใบหน้า) สูตินรีแพทย์ดูแลการตัดมดลูกและฮอร์โมน และแพทย์หู คอ จมูก ดูแลเรื่องการเปลี่ยนเสียง พร้อมทั้งการติดตามผลระยะยาวเพื่อสามารถให้การดูแลแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริงในทุกขั้นตอน 

นพ.สุกิจ วรธำรง แพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านการแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย (FTM) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การผ่าตัดแปลงเพศจากหญิงเป็นชายของศูนย์ข้ามเพศโรงพยาบาลยันฮีเริ่มตั้งแต่การผ่าตัดหน้าอก การผ่าตัดมดลูกรังไข่ การผ่าตัดปิดช่องคลอด การสร้างท่อปัสสาวะ และการสร้างอวัยวะเพศชาย โดยคนข้ามเพศจะได้เข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และอบอุ่นใจ เพราะยันฮีไม่จำกัดการบริการแค่เพียงบางหน่วย แต่ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดระบบ เตรียมพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เข้าใจ พร้อมให้บริการอย่างเป็นมิตรดุจเพื่อนร่วมทางที่อยู่เคียงข้างตลอดเส้นทาง เพราะผลลัพธ์ที่ดีไม่ใช่แค่การผ่าตัดสำเร็จ แต่คือความรู้สึกว่า “มีคนเข้าใจและอยู่เคียงข้าง ดุจเพื่อนคู่คิดตลอดเส้นทาง”

ด้าน นพ.วรพล รัตนเลิศ แพทยผ์ ู้ช านาญการ ด้านการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง (MTF) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การแปลงเพศจากชายเป็นหญิงที่ศูนย์ข้ามเพศใช้เทคนิคเฉพาะของโรงพยาบาลยันฮีโดยสามารถซ่อนแผลและรอยตะเข็บได้อย่างแนบเนียน ซึ่งในปัจจุบันมีเทคนิคในการแปลงเพศที่หลากหลาย ได้แก่ เทคนิคสกินกราฟ เทคนิคเยื่อบุช่องท้อง เทคนิคล าไส้ใหญ่ และเทคนิคลำไส้ใหญ่แบบส่องกล้อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์โดยเน้นความปลอดภัย ผลลัพธ์สมจริง และต้องอาศัยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง

ที่มาข้อมูล : โรงพยาบาลยันฮี

ที่มารูปภาพ : โรงพยาบาลยันฮี