เปิดสัดส่วนคนไทยใช้กัญชา เพื่อสันทนาการมากที่สุด

เปิดสัดส่วนคนไทยใช้กัญชา เพื่อสันทนาการมากที่สุด

ประเทศไทยเคยถูกจับตามองจากนานาชาติในฐานะหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาให้สามารถใช้ได้อย่างเสรี โดยเฉพาะหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่มีการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 อย่างเป็นทางการ ทว่าเพียงไม่ถึง 2 ปี รัฐบาลไทยได้ประกาศจุดยืนเตรียมนำ “กัญชา” กลับเข้าเป็นยาเสพติดประเภท 1 อีกครั้งในปี 2567 พร้อมข้อยกเว้นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และวิจัย โดยให้เหตุผลว่าการใช้กัญชาในทางที่ไม่เหมาะสมกำลังกลายเป็นปัญหาสุขภาพและสังคม

สรุปข่าว

“กัญชา” ไม่ใช่สารอันตรายที่ควรถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่ต้องอยู่ภายใต้การใช้ที่เหมาะสม มีข้อจำกัดที่ชัดเจน และมีระบบติดตามผลที่เข้มงวด สถิติที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นเครื่องเตือนว่าการเปิดเสรีที่ขาดการควบคุมอาจก่อให้เกิดผลกระทบระยะยาวมากกว่าผลดี โดยเฉพาะกับเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่ยังไม่มีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับสารนี้

ประเทศไทยเคยถูกจับตามองจากนานาชาติในฐานะหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ปลดล็อกกัญชาให้สามารถใช้ได้อย่างเสรี โดยเฉพาะหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่มีการถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 อย่างเป็นทางการ ทว่าเพียงไม่ถึง 2 ปี รัฐบาลไทยได้ประกาศจุดยืนเตรียมนำ “กัญชา” กลับเข้าเป็นยาเสพติดประเภท 1 อีกครั้งในปี 2567 พร้อมข้อยกเว้นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และวิจัย โดยให้เหตุผลว่าการใช้กัญชาในทางที่ไม่เหมาะสมกำลังกลายเป็นปัญหาสุขภาพและสังคม

สถิติการใช้กัญชาในไทย: สวนทางความตั้งใจ

จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสถาบันวิจัยต่าง ๆ พบว่า การใช้กัญชาของประชาชนไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการปลดล็อก:

 ปี 2565 มีผู้ใช้กัญชาสันทนาการมากถึง 11 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีเพียง 1.89 ล้านคน ในจำนวนนี้ ราวร้อยละ 64 ใช้เพื่อสันทนาการ ขณะที่เพียงร้อยละ 16 ใช้เพื่อการแพทย์เด็กและเยาวชนกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ โดยพบว่าอัตราการใช้กัญชาในวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าภายใน 2 ปีกลุ่มเยาวชนนอกระบบการศึกษา มีการใช้กัญชาถึงร้อยละ 47.6 ภายในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา

กัญชา: จากความหวังสู่ความเสี่ยง

แม้เจตนารมณ์ของการปลดล็อกกัญชาจะเน้นเพื่อ ใช้ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ แต่ในทางปฏิบัติกลับขาดกลไกควบคุมที่มีประสิทธิภาพ เช่น การจำกัดอายุผู้ใช้ การออกใบอนุญาตสถานประกอบการ หรือการควบคุมโฆษณาชวนเชื่อ

ผลกระทบเริ่มสะท้อนในหลายด้าน ทั้งในรูปแบบของอาการทางจิต เช่น หลอน ประสาทหลอน ซึมเศร้า ตลอดจนปัญหาทางสังคมที่ตามมา เช่น การขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา หรือการใช้ในโรงเรียน

แนวทางใหม่ของรัฐบาล

รัฐบาลภายใต้แผนงานของกระทรวงสาธารณสุข เตรียมออกประกาศให้ “กัญชา” กลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดประเภท 1 ในปี 2567 โดยจะมีข้อยกเว้นสำหรับ:

  • การใช้ในทางการแพทย์ตามใบสั่งแพทย์
  • การใช้เพื่อการวิจัย
  • การผลิตภายใต้ระบบควบคุมตามกฎหมาย

พร้อมกับออกกฎหมายควบคุมกัญชาแบบเฉพาะกิจเพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้

โดยล่าสุด ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ. 2568 ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สธ.ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมาและเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว  เป็นการยกเลิกประกาศฉบับเดิมที่มีผลบังคับใช้ก่อนหน้านี้ ประเด็นสำคัญ มีดังนี้ 

 1. ประกาศฉบับเดิม ใครจะซื้อก็ได้ ไม่ต้องมีใบสั่งจ่าย ยกเว้นเด็ก สตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตรและนักศึกษาไม่ได้กำกับว่า การใช้ต้องใช้ทางการแพทย์ผ่านใบสั่งแพทย์ ทำให้มีการใช้ในเชิงสันทนาการเยอะ ประกาศฉบับใหม่ต่างจากเดิมเข้มงวดมากขึ้น มีเจตนาที่ชัดเจนว่า ต้องการทำให้เข้าถึงกัญชายากขึ้น แม้กระทั่งบุคคลทั่วไปยังไม่สามารถที่จะซื้อกัญชาได้โดยเสรี แต่ต้องผ่านการพิจารณาจากแพทย์ ในการออกใบสั่งแพทย์คนเข้าถึงได้คือทางการแพทย์เท่านั้น  การจำหน่ายกัญชาในร้าน ต้องมีใบสั่งจ่าย จาก แพทย์ ,แพทย์แผนไทย, แพทย์แผนจีน, ทันตแพทย์, เภสัชกร หรือหมอพื้นบ้าน ถ้าดูจากสถานประกอบกิจการที่ขึ้นทะเบียนขออนุญาตใช้กัญชาทั้งหมดประมาณ 1.8 หมื่นแห่ง เป็นสถานพยาบาลเพียง 19 แห่งเท่านั้น ก่อนประกาศใช้ประกาศฉบับใหม่ การเปิดรับฟังความคิดเห็น 25 วัน (22 พฤษภาคม - 15 มิถุนายน 2568)   มีผู้แสดงความเห็นกว่า 1.6 หมื่นคน เห็นด้วย 59 % ไม่เห็นด้วย 41 % 

 2. ประกาศฉบับใหม่ กำหนด ช่อดอกกัญชาที่จะขายคนทั่วไป ช่อดอกกัญชา ที่อนุญาตให้จำหน่ายได้จะต้อง ผ่านการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดี จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ไม่มีการคุมมาตรฐานแปลงเพาะปลูก แปลงเพาะปลูกเถื่อน ส่งเข้าร้านขาย ช่อดอกไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้ใช้ทางการแพทย์ ใช้สูบเชิงสันทนาการมากกว่า 

 3. ส่วนขั้นตอนที่กัญชาจะถูกนำกลับไปเป็นยาเสพติด โดยต้องแก้ประกาศกระทรวงสธ. เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการป.ป.ส. ที่ผ่านมา สธ. ได้ดำเนินการ คือ เดือนพฤษภาคม 2567 คณะกรรมการยาเสพติดเห็นชอบให้แก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 และมอบอนุกรรมการยกร่างกฎหมาย จากนั้น เดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2567 นำร่างประกาศเผยแพร่รับฟังความเห็น มีผู้ร่วมแสดงความเห็นกว่า 1 แสนราย เห็นด้วยไม่น้อยกว่า 80 % เดือนมิถุนายน 2567 กระทรวง สธ. เสนอร่างประกาศเข้าที่ประชุม ป.ป.ส. ปัจจุบันร่างประกาศนี้ถูกส่งกลับจากป.ป.ส. ให้กระทรวง สธ.ยืนยันอีกครั้ง แต่ยังไม่ได้ยืนยันกลับมา 

 4 การผลักดันร่างพ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ…กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกได้นำร่างพ.ร.บ.เปิกรับฟังความคิดเห็นในช่วงเดือนกันยายน 2567 ปัจจุบัน กระทรวง สธ.เสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังไม่มีการบรรจุวาระเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อเห็นชอบหลักการและดำเนินการ ตามกระบวนการที่จะให้สภาพิจารณาเพื่อออกเป็นกฎหมายมาใช้บังคับ จะเป็น กัญชาทางการแพทย์ อย่างสมบูรณ์ และ กระทรวง สธ. จะดำเนินมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เพื่อปิดร้านค้าที่กระทำผิดเงื่อนไขในประกาศนี้ และจะมีการพิจารณาการขออนุญาต รายใหม่ ให้ยากขึ้น เนื่องจากกลิ่นและควันของกัญชา ถือเป็นเหตุรำคาญ ประกอบกับมีผู้ร้องเรียนมาเป็นจำนวนมาก อาจต้องได้รับความยินยอมจาก องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมาด้วย จึงจะสามารถยื่นขออนุญาตได้ หรือหากอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร หรืออาคารชุด ต้องมีใบยินยอมจากนิติบุคคลเป็นต้น ในระยะยาว อาจต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพที่ ที่สามารถสั่งจ่ายได้ มาปฏิบัติงานประจำร้าน