"วิธีการปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม"เบื้องต้น ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

"วิธีการปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม"เบื้องต้น ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

การปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม หรือที่รู้จักกันในแนวคิด Tactical Combat Casualty Care (TCCC) เป็นหลักการที่พัฒนาขึ้นโดยกองทัพและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทางยุทธวิธี เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้บาดเจ็บในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย และมีความเสี่ยงสูง 


ตัวอย่างการปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม


- สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาพื้นที่ปลอดภัย หรือที่กำบังที่มั่นคง เพื่อป้องกันตนเอง และผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงเพิ่มเติม

-เช็กการการหายใจ จับชีพจร ของผู้ได้รับบาดเจ็บ

-การห้ามเลือด เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีผู้ป่วยบาดเจ็บจากการ ถูกยิง หรือทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียเลือดมาก การห้ามเลือดโดยการใช้สายรัด หรือผ้ากดห้ามเลือด

-การดูแลทางเดินหายใจ ได้แก่การให้นอนหงาย ดูดเสมหะ

-การใส่ ปลอกคอ เนื่องจากอาจมีผู้ป่วยตกจากที่สูง หรือได้รับอุบัติเหตุบริเวณคอ

-การดามแขน ขา ที่มีกระดูกหัก การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี

-การให้ยาเพื่อลดความเจ็บป่วย ขณะรอส่งต่อไปทำการรักษา

สรุปข่าว

การปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม ไม่ได้เน้นการ "รักษาให้หาย" แต่เน้นการ "ช่วยชีวิต" และ "ป้องกันไม่ให้บาดเจ็บแย่ลง" ในสถานการณ์ที่อันตราย และจำกัด

การปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม หรือที่รู้จักกันในแนวคิด Tactical Combat Casualty Care (TCCC) เป็นหลักการที่พัฒนาขึ้นโดยกองทัพและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทางยุทธวิธี เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้บาดเจ็บในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย และมีความเสี่ยงสูง 


ตัวอย่างการปฐมพยาบาลในภาวะสงคราม


- สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาพื้นที่ปลอดภัย หรือที่กำบังที่มั่นคง เพื่อป้องกันตนเอง และผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงเพิ่มเติม

-เช็กการการหายใจ จับชีพจร ของผู้ได้รับบาดเจ็บ

-การห้ามเลือด เนื่องจากส่วนใหญ่จะมีผู้ป่วยบาดเจ็บจากการ ถูกยิง หรือทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียเลือดมาก การห้ามเลือดโดยการใช้สายรัด หรือผ้ากดห้ามเลือด

-การดูแลทางเดินหายใจ ได้แก่การให้นอนหงาย ดูดเสมหะ

-การใส่ ปลอกคอ เนื่องจากอาจมีผู้ป่วยตกจากที่สูง หรือได้รับอุบัติเหตุบริเวณคอ

-การดามแขน ขา ที่มีกระดูกหัก การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี

-การให้ยาเพื่อลดความเจ็บป่วย ขณะรอส่งต่อไปทำการรักษา

3 วิธีการห้ามเลือด ตามหลักการปฐมพยาบาล

1. การกดบาดแผลโดยตรง

เป็นวิธีที่ใช้กันแพร่หลาย เนื่องจากสามารถระงับการไหลของเลือดจากบาดแผลได้อย่างได้ผล ซึ่งวิธีนี้ใช้นิ้วมือกดลงบนบาดแผลโดยตรงหรือใช้ผ้าสะอาดปิดปากแผลแน่น ๆ

2. ยกอวัยวะที่มีบาดแผลให้สูงกว่าระดับหัวใจ

เป็นการห้ามเลือดโดยการลดแรงการไหลของเลือดให้ช้าลง ซึ่งควรใช้วิธีนี้ควบคู่ไปกับเทคนิคการใช้แรงกด

3. การขันชะเนาะ หรือสายรัดห้ามเลือด

วิธีการทำไม่ควรให้ชิดบาดแผลจนเกินไป ไม่รัดแน่นหรือหลวมเกินไป เมื่อรัดแล้วให้ยกปลายแขนหรือปลายขา และคลายสายรัดออกเป็นพัก ๆ


ข้อควรระวัง การรัดแต่ละครั้งไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง หากรัดนานเกินไปอาจทำให้อวัยวะขาดเลือดไปเลี้ยงได้


การเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว ถ้าเรารู้วิธีการปฐมพยาบาลและห้ามเลือด จะเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตมากขึ้น