รู้จัก"ไข้มาลาเรีย" โรคร้ายที่มาจากยุงก้นปล่อง ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งปลอดภัย

รู้จัก"ไข้มาลาเรีย" โรคร้ายที่มาจากยุงก้นปล่อง ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งปลอดภัย

โรคไข้มาลาเรีย (Malaria) มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ซีดลง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ถ้าเป็นชนิดรุนแรงอาจมีอาการไตวาย ตับอักเสบ ปอดผิดปกติ และอาจมีความผิดปกติทางสมองที่เรียกว่า มาลาเรียขึ้นสมองได้


ทำความรู้จักโรคไข้มาลาเรีย

โรคไข้มาลาเรีย เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวพลาสโมเดียม ซึ่งมี 5 ชนิด และเป็นเชื้อโรคที่อาศัยในเลือด โรคไข้มาลาเรียมีความชุกชุมตามบริเวณที่เป็นป่าเขาและมีแหล่งน้ำ ในปัจจุบันถือเป็นโรคประจำถิ่นที่ยังเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุข ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน โรคไข้มาลาเรียยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะอาการหรือฤดูกาลเกิดโรค เช่น ไข้จับสั่น ไข้ป่า ไข้ดง ไข้ดอกสัก ไข้ร้อนเย็น ไข้ป้าง เป็นต้น 


การติดต่อของโรคไข้มาลาเรีย

ติดต่อโดยยุงก้นปล่องตัวเมียเป็นพาหะนำเชื้อมาลาเรียจากผู้ป่วยไปสู่อีกคนหนึ่ง โดยเริ่มจากยุงก้นปล่องกัดผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้มาลาเรีย แล้วดูดเลือดที่มีเชื้อมาลาเรียเข้าไป หลังจากนั้นเชื้อมาลาเรียจะใช้เวลาเจริญเติบโตอยู่ในตัวยุงประมาณ 10 - 12 วัน จนอยู่ในระยะที่ทำให้เกิดโรคได้ เมื่อยุงที่มีเชื้อมาลาเรียไปกัดคน ก็จะปล่อยเชื้อมาลาเรียจากต่อมน้ำลายเข้าสู่คน จึงทำให้คนที่ถูกยุงกัดเป็นไข้มาลาเรีย โดยทั่วไปอาการเริ่มแรกของไข้มาลาเรียเกิดขึ้นหลังจากถูกยุงก้นปล่องกัดประมาณ 10 - 14 วัน

สรุปข่าว

โรคไข้มาลาเรีย (Malaria) มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ซีดลง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ถ้าเป็นชนิดรุนแรงอาจมีอาการไตวาย ตับอักเสบ ปอดผิดปกติ และอาจมีความผิดปกติทางสมองที่เรียกว่า มาลาเรียขึ้นสมองได้

โรคไข้มาลาเรีย (Malaria) มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ซีดลง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ถ้าเป็นชนิดรุนแรงอาจมีอาการไตวาย ตับอักเสบ ปอดผิดปกติ และอาจมีความผิดปกติทางสมองที่เรียกว่า มาลาเรียขึ้นสมองได้


ทำความรู้จักโรคไข้มาลาเรีย

โรคไข้มาลาเรีย เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวพลาสโมเดียม ซึ่งมี 5 ชนิด และเป็นเชื้อโรคที่อาศัยในเลือด โรคไข้มาลาเรียมีความชุกชุมตามบริเวณที่เป็นป่าเขาและมีแหล่งน้ำ ในปัจจุบันถือเป็นโรคประจำถิ่นที่ยังเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุข ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน โรคไข้มาลาเรียยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะอาการหรือฤดูกาลเกิดโรค เช่น ไข้จับสั่น ไข้ป่า ไข้ดง ไข้ดอกสัก ไข้ร้อนเย็น ไข้ป้าง เป็นต้น 


การติดต่อของโรคไข้มาลาเรีย

ติดต่อโดยยุงก้นปล่องตัวเมียเป็นพาหะนำเชื้อมาลาเรียจากผู้ป่วยไปสู่อีกคนหนึ่ง โดยเริ่มจากยุงก้นปล่องกัดผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้มาลาเรีย แล้วดูดเลือดที่มีเชื้อมาลาเรียเข้าไป หลังจากนั้นเชื้อมาลาเรียจะใช้เวลาเจริญเติบโตอยู่ในตัวยุงประมาณ 10 - 12 วัน จนอยู่ในระยะที่ทำให้เกิดโรคได้ เมื่อยุงที่มีเชื้อมาลาเรียไปกัดคน ก็จะปล่อยเชื้อมาลาเรียจากต่อมน้ำลายเข้าสู่คน จึงทำให้คนที่ถูกยุงกัดเป็นไข้มาลาเรีย โดยทั่วไปอาการเริ่มแรกของไข้มาลาเรียเกิดขึ้นหลังจากถูกยุงก้นปล่องกัดประมาณ 10 - 14 วัน

อาการของโรคไข้มาลาเรีย

โดยทั่วไปมีอาการ ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ แต่ไม่มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ อาจมีอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหาร อาการเหล่านี้อาจเป็นอยู่ในระยะสั้นเป็นวันหรือหลายวันก็ได้ ขึ้นอยู่กับระยะฟักตัวของเชื้อมาลาเรียแต่ละชนิด หากมีอาการรุนแรงจะมีอาการซีด ตาเหลืองตัวเหลือง จุดเลือดออกหรือเลือดออกผิดปกติ สับสน ซึมและช็อคได้


การรักษา

มาลาเรียเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง รวดเร็ว และได้รับการรักษาด้วยยาที่มีประสิทธิภาพ ตรงตามชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ ไม่ควรซื้อยารักษามาลาเรียกินเอง เพราะอาจจะได้ยาที่ไม่มีคุณภาพ หรือเป็นยาที่ใช้ไม่ได้ผลทำให้มีการดื้อยา หรือกินยาไม่ครบ อาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา ได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้เป็นโรครุนแรงขึ้น และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้  ในรายที่มีอาการรุนแรงแพทย์จำเป็นต้องรับผู้ป่วยไว้ดูแลในโรงพยาบาล

การป้องกันโรคไข้มาลาเรีย       

-กางมุงนอน พร้อมปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด

-ทายากันยุงบริเวณผิวหนังภายนอก หรือจุดยากันยุง

-สวมใส่เสื้อผ้าให้ปกคลุมมิดชิด

-หากต้องค้างคืนในไร่นาหรือป่าเขา ให้ใช้มุงชุบน้ำยา

-กำจัดแหล่งลูกน้ำ เช่น บริเวณน้ำกักขัง เป็นต้น