แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ความสำเร็จของการศึกษาสู่ผลิตภัณฑ์จริง

แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ความสำเร็จของการศึกษาสู่ผลิตภัณฑ์จริง

นายแพทย์ยงยศนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ทีมนักวิจัยของสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้วิจัยศึกษาวิธีการเตรียมสารสกัดขิง (Ginger Extract) และสารสกัดมะขามป้อม (Emblica Extract) ที่มีความบริสุทธิ์สูง นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้นแบบจากสารสกัดขิง และมะขามป้อม ซึ่งพบว่า ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อมที่พัฒนา มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมหลายประการ เช่น ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ลดความมันบนหนังศีรษะ ลดอาการคัน และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม และได้ผ่านการประเมินด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในอาสาสมัครแล้ว โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้และ ระคายเคืองต่อหนังศีรษะ 

 ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สกัดสารต่างๆ จากพืชประมาณ 30 ชนิด อาทิ มะหาด ฝาง กระท่อม และรางจืด ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงในการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพของประเทศต่อ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปี 2564  มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เจลล้างหน้าผสมสารสกัดมะหาด ปี 2567 มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรแฮร์โทนิคแคนนาบิไดออลและออกซีเรสเวอราทรอล ซึ่งเป็นสารสกัดจากกัญชาและมะหาด และในปี 2568 ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต สารสกัดไมทราไจนีนจากพืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม และอยู่ระหว่างการถ่ายทอดอีกหลายผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรพลูคาว มะขามป้อม รางจืด เทคโนโลยีการสกัดสารสกัดฝาง และสเปรย์แก้ปวดจากสารสกัดกระท่อม เป็นต้น                        

สรุปข่าว

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถ่ายทอด “ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ” ความสำเร็จของการศึกษาวิจัยในห้องแล็บ ส่งต่อให้เอกชนนำไปต่อยอดระดับอุตสาหกรรม เพื่อผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ไทย

นายแพทย์ยงยศนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ทีมนักวิจัยของสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้วิจัยศึกษาวิธีการเตรียมสารสกัดขิง (Ginger Extract) และสารสกัดมะขามป้อม (Emblica Extract) ที่มีความบริสุทธิ์สูง นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้นแบบจากสารสกัดขิง และมะขามป้อม ซึ่งพบว่า ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อมที่พัฒนา มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมหลายประการ เช่น ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ลดความมันบนหนังศีรษะ ลดอาการคัน และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม และได้ผ่านการประเมินด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในอาสาสมัครแล้ว โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้และ ระคายเคืองต่อหนังศีรษะ 

 ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สกัดสารต่างๆ จากพืชประมาณ 30 ชนิด อาทิ มะหาด ฝาง กระท่อม และรางจืด ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงในการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพของประเทศต่อ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปี 2564  มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เจลล้างหน้าผสมสารสกัดมะหาด ปี 2567 มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรแฮร์โทนิคแคนนาบิไดออลและออกซีเรสเวอราทรอล ซึ่งเป็นสารสกัดจากกัญชาและมะหาด และในปี 2568 ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต สารสกัดไมทราไจนีนจากพืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม และอยู่ระหว่างการถ่ายทอดอีกหลายผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรพลูคาว มะขามป้อม รางจืด เทคโนโลยีการสกัดสารสกัดฝาง และสเปรย์แก้ปวดจากสารสกัดกระท่อม เป็นต้น                        

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับภาคเอกชน ไม่ใช่เพียงแค่การถ่ายทอดเทคโนโลยี จากห้องปฏิบัติการสู่ภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นจริงในสังคม เป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เน้นย้ำหลักการทำงานของกรมวิทย์ฯ ว่าต้องพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ปลอดภัย ไม่มีพิษและเกิดประโยชน์จริง เพื่อยกระดับสมุนไพรไทยสู่การยอมรับระดับสากล” นายแพทย์ยงยศ กล่าว             

นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนางสาวกิรัชฌา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูมิ ดีพเทค จำกัด (UMI DEEPTECH) ลงนามในสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม (20 สิงหาคม 2568)  ระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ บริษัท ยูมิ ดีพเทค จำกัด โดยมี นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายสันตกิจ นิลอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร นางนพรัตน์ รุ่งอุทัยศิริ กรรมการ บริษัท  ยูมิ ดีพเทค จำกัด และเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 110 ชั้น 1 อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี