โรคจากแมลงดูดเลือด Kissing bug ควรถูกพิจารณาเป็นโรคประจำถิ่นในสหรัฐฯ หลังระบาดเพิ่มขึ้น

โรคจากแมลงดูดเลือด  Kissing bug ควรถูกพิจารณาเป็นโรคประจำถิ่นในสหรัฐฯ หลังระบาดเพิ่มขึ้น

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลและเรียกร้องให้มีการพิจารณาโรคชาคัส (Chagas disease)  โรคที่เกิดจากแมลง Kissing bug หรือแมลงมวนเพชฌฆาต แมลงดูดเลือด ให้เป็นโรคประจำถิ่น (endemic) ในสหรัฐอเมริกา หลังจากพบหลักฐานว่าโรคนี้ไม่ได้ถูกนำเข้าจากประเทศอื่นเพียงอย่างเดียว แต่กำลังแพร่ระบาดในหมู่ประชากรท้องถิ่นมากขึ้น

โรคชาคัส  เกิดจากเชื้อปรสิต Trypanosoma cruzi ที่มีพาหะเป็นแมลงดูดเลือด "Kissing bug" โดยแมลงจะออกมาจู่โจมดูดเลือดตอนที่หลับอยู่ โดยจะกัดบริเวณใบหน้าหรือริมฝีปาก แล้วดูดเลือดกินเป็นอาหาร

แม้โรคนี้จะเคยถูกมองว่าเป็นโรคเขตร้อนที่พบในละตินอเมริกาเป็นหลัก แต่รายงานล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) และหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นชี้ให้เห็นว่ามีการตรวจพบการติดเชื้อในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้

ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประเมินว่ามีผู้ติดเชื้อชาคัสราว 280,000 คน และมีการยืนยันว่ามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากแมลงในประเทศเอง ไม่ใช่จากการเดินทางไปต่างประเทศ แมลงจูบถูกพบในหลายรัฐ โดยเฉพาะทางตอนใต้ เช่น เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และลุยเซียนา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการตรวจคัดกรอง การเฝ้าระวังโรค และการให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว

สรุปข่าว

ผู้เชียวชาญเรียกร้องให้ โรคชาคัสที่มีแมลง Kissing bug เป็นพาหะ กลายเป็นโรคประจำถิ่น ในสหรัฐอเมริกา หลังจากพบหลักฐานว่ากำลังแพร่ระบาดในหมู่ประชากรท้องถิ่นมากขึ้น

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลและเรียกร้องให้มีการพิจารณาโรคชาคัส (Chagas disease)  โรคที่เกิดจากแมลง Kissing bug หรือแมลงมวนเพชฌฆาต แมลงดูดเลือด ให้เป็นโรคประจำถิ่น (endemic) ในสหรัฐอเมริกา หลังจากพบหลักฐานว่าโรคนี้ไม่ได้ถูกนำเข้าจากประเทศอื่นเพียงอย่างเดียว แต่กำลังแพร่ระบาดในหมู่ประชากรท้องถิ่นมากขึ้น

โรคชาคัส  เกิดจากเชื้อปรสิต Trypanosoma cruzi ที่มีพาหะเป็นแมลงดูดเลือด "Kissing bug" โดยแมลงจะออกมาจู่โจมดูดเลือดตอนที่หลับอยู่ โดยจะกัดบริเวณใบหน้าหรือริมฝีปาก แล้วดูดเลือดกินเป็นอาหาร

แม้โรคนี้จะเคยถูกมองว่าเป็นโรคเขตร้อนที่พบในละตินอเมริกาเป็นหลัก แต่รายงานล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) และหน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นชี้ให้เห็นว่ามีการตรวจพบการติดเชื้อในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้

ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประเมินว่ามีผู้ติดเชื้อชาคัสราว 280,000 คน และมีการยืนยันว่ามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากแมลงในประเทศเอง ไม่ใช่จากการเดินทางไปต่างประเทศ แมลงจูบถูกพบในหลายรัฐ โดยเฉพาะทางตอนใต้ เช่น เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และลุยเซียนา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้มีการตรวจคัดกรอง การเฝ้าระวังโรค และการให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว

ดร. มาร์ค สตอก (Dr. Marc Stog) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ กล่าวว่า "เราไม่สามารถมองข้าม โรคชาคัสได้อีกต่อไป มันไม่ใช่โรคที่ 'มาจากที่อื่น' อีกต่อไปแล้ว Kissing bug และเชื้อปรสิตของพวกมันได้ปักหลักในสหรัฐฯ มานานแล้ว และตอนนี้เราเริ่มเห็นเคสการติดเชื้อที่เกิดขึ้นภายในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"

ปัจจัยที่ทำให้โรคแพร่กระจายในสหรัฐฯ

หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้แมลง Kissing bug สามารถขยายถิ่นที่อยู่ไปทางเหนือมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาชุมชนเมืองที่รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ธรรมชาติก็ทำให้ผู้คนมีโอกาสสัมผัสกับแมลงชนิดนี้มากขึ้น

การแพร่เชื้อที่ไม่ได้เกิดจากแมลง

  • นอกจากการถูกแมลงกัดแล้ว โรคชาคัสยังสามารถแพร่เชื้อได้หลายวิธี เช่น:
  • การถ่ายเลือดหรือการปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้ติดเชื้อ
  • การแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกในระหว่างการตั้งครรภ์
  • การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อปรสิต

อาการและผลกระทบของโรค

ในช่วงแรกของการติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการที่ชัดเจนหรือมีเพียงอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว และมีอาการบวมแดงบริเวณที่ถูกแมลงกัด แต่หากไม่ได้รับการรักษา โรคจะเข้าสู่ระยะเรื้อรัง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสิบปีและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่อหัวใจและระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

การเรียกร้องให้เป็นโรคประจำถิ่น

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าการประกาศให้ โรคชาคัสเป็นโรคประจำถิ่นในสหรัฐฯ จะช่วยให้มีการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรเพื่อการวิจัย การเฝ้าระวัง การวินิจฉัย และการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความตระหนักให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปให้รู้จักโรคนี้และหาวิธีป้องกันตัวเอง

"หากเรายังคงมองว่าโรคนี้เป็นเพียงโรค 'นำเข้า' เราจะพลาดโอกาสในการตรวจพบผู้ป่วยและป้องกันการแพร่กระจายของโรคในชุมชนของเรา" ดร. สตอกกล่าวทิ้งท้าย "ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า โรคชาคัสคือความท้าทายด้านสาธารณสุขที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่และควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง"

สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีการระบาดของโรคชาคัส เนื่องจากแมลงพาหะชนิดนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม โรคนี้ถือเป็นหนึ่งใน “โรคเขตร้อนที่ถูกละเลย” (Neglected Tropical Diseases) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่พบมากในลาตินอเมริกา หากมีคนไทยที่เคยพำนักหรือเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด เช่น เม็กซิโก บราซิล หรือโบลิเวีย แล้วมีอาการผิดปกติหลังถูกแมลงกัด ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจหาเชื้อ เพราะการรักษาตั้งแต่ระยะแรกมีโอกาสควบคุมโรคได้ดีกว่ามาก