สรุปข่าว
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านใน ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ไปแจ้งความที่ สภ.ห้วยราช ว่าถูกกลุ่มคนอ้างเป็นหมอไสยศาสตร์หลอกทำพิธีแก้คูณไสมนต์ดำ แต่สุดท้ายโดนเชิดเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 40,000 บาทหนีหายไป
หลังลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบกับนางสุบิน กิริรัมย์ อายุ 65 ปี ผู้ที่ถูกหลอกทำพิธีที่ลูกสาวได้พาไปแจ้งความนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน โดยป้าสุบิน เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปร่วมทำบุญทอดกฐินที่วัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน แล้วจู่ๆ เกิดอาการเจ็บท้อง และปวดหัวอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นก็มีคนมาทักบอกว่าตนเองถูกทำของใส่ต้องไปทำพิธีแก้ จึงหลงเชื่อเพราะก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินว่ามีคนในหมู่บ้านถูกของไปทำแล้วหาย พอช่วงบ่ายจึงไปทำพิธีแก้ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับวัด โดยวันนั้นก็มีผู้มาร่วมทำพิธีด้วยประมาณ 5-6 คนส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงสูงอายุ ส่วนหมอที่มาทำพิธีให้เป็นผู้ชายผิวขาวรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 40 กว่าปี รู้แค่ว่ามีภูมิลำเนาอยู่ จ.สุรินทร์ ซึ่งตอนทำพิธีหมอคนดังกล่าวบอกให้ผู้ที่มาร่วมพิธี ถอดทองที่สวมใส่มาลงไปในพาน หากใครไม่มีทองก็ให้เอาเงินวางลงไป เพื่อจะเอาไปลงอักขระหรือคาถาอาคมแก้คูณไสมนต์ดำ
จากนั้นคนที่มาร่วมพิธีก็พากันถอดสร้อยทองลงใส่พานประมาณ 3 คน ที่เหลือก็เอาเงินใส่แทน โดยหมอไสยศาสตร์ที่ทำพิธีบอกว่าเมื่อทำพิธีลงคาถาอาคมเสร็จแล้ว 3 วันจะเอาทองมาคืนให้ แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไป 5 วันแล้วก็ยังไม่ได้สร้อยทองมาคืน เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามกับหมอไสยศาสตร์ที่ทำพิธีให้ ก็อ้างว่าให้รอไปอีก 3 วันเพราะตอนนี้ทำผิดครูอยู่ ต้องเข้าโบสถ์ทำสมาธิก่อน ซึ่งป้าสุบิน บอกว่า ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าถูกหลอกหรือไม่ เพราะยังหวังว่าจะได้สร้อยทองคืนอยู่ แต่พอไปเล่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวฟัง ลูกสาวกกลับมั่นใจว่าแม่น่าจะถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกเอาทองมากกว่า จึงได้พาแม่ไปแจ้งความไว้
ขณะที่ น.ส.กัญญาวีร์ อายุ 32 ปี ลูกสาวของป้าสุบิน บอกว่า จากคำบอกเล่าของแม่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งต้มตุ๋นอย่างแน่นอน และส่วนใหญ่จะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุที่หลอกล่อง่าย จากนั้นก็จะใช้ความเชื่อของชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์มาหลอกทำพิธีให้ พอเหยื่อหลงเชื่อก็จะหลอกเอาเงินหรือทองแล้วเชิดหนีหายไป และน่าจะทำกันเป็นขบวนการ คิดว่ามีคนในหมู่บ้านถูกหลอกหลายคนแต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวหรือเข้าแจ้งความ บางส่วนก็ยังเชื่อว่าหากไปแจ้งความจะถูกทำของใส่อีก
อย่างไรก็ตามตนเองได้พาแม่ไปแจ้งความไว้แล้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามตัวกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวมาดำเนินคดี และนำสร้อยมาคืนให้กับแม่ ทั้งไม่อยากให้ไปก่อเหตุแบบนี้กับคนอื่นอีก
ที่มาข้อมูล : -