คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อ 15 ปีก่อนยังส่งผลกระทบกับหลายครอบครัว

คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อ 15 ปีก่อนยังส่งผลกระทบกับหลายครอบครัว

สรุปข่าว

เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ พัดถล่มภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันของไทย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 หรือเมื่อ 15 ปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะจังหวัดพังงา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมากถึง 4,724 ราย จาก 39 ประเทศ สูญหาย 2,549 ราย และบาดเจ็บ 4,210 ราย ปัจจุบันร่างผู้ที่จากไปในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มจังหวัดพังงา ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ที่สุสานบ้านบางมรวน ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา จำนวน 394 ราย เป็นร่างที่ไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ 369 ราย อีก 25 รายเป็นบุคคลต่างด้าวชาวพม่า ซึ่งไม่มีหลักฐานเอกสารยืนยันตัวบุคคลที่แน่ชัด แม้เวลาจะล่วงเลยมานานถึง 15 ปีแล้วก็ตาม

           

พันตำรวจเอก กิตติพงศ์ ทองทิพย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรตะกั่วป่า เปิดเผยว่า ร่างผู้ที่เสียชีวิตซึ่งเหลืออยู่จำนวน 394 ราย ไม่สามารถตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลได้ ว่าเป็นผู้ใด เนื่องจากสภาพศพจำนวนไม่น้อยอยากต่อการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล เพราะเป็นชิ้นส่วนของร่างกายมนุษย์ ขณะที่บุคคลต่างด้าวชาวพม่าก็ไม่มีญาติ หรือพ่อแม่มาติดต่อขอตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล ทำให้ร่างทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุสานบ้านบางมรวน พร้อมกับทรัพย์สินมีค่าอีกจำนวนหนึ่ง

 

เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อ 15 ปีก่อน ยังได้ทิ้งร่องรอยบาดแผลไว้ในจิตใจส่วนลึกของผู้ประสบเหตุ ที่รอดตายมาอย่างหวุดหวิดอีกหลายราย โดยเฉพาะ นายก้องศักดิ์ อุปถัมภ์ ชาวบ้านในอำเภอตะกั่วป่า ที่หนีตายจากคลื่นมรณะที่คร่าชีวิตจำนวนมากไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลย เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ตามหลอกหลอนเขามาอย่างยาวนานถึง 15 ปีเต็ม

 

นายก้องศักดิ์ อุปถัมภ์  ราษฎรผู้รอดชีวิต เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนเองทำงานก่อสร้างอยู่บริเวณแหลมปะการัง ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า เมื่อเห็นคลื่นถาโถมเข้ามาทุกทิศทาง ก็รีบนำรถยนต์หนีน้ำออกไป แต่ไปได้ไม่ถึง 100 เมตร ก็ต้องทิ้งรถยนต์ปีนต้นมะพร้าวหนีคลื่นเพื่อเอาตัวรอด โดยมีผู้ประสบเหตุที่เป็นทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทย จำนวนมากกรีดร้องด้วยเสียงอันโหยหวน ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ แม้อยากจะช่วยชีวิตพวกเขาเหล่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ต้องทนดูเด็กเล็กๆ และคนจำนวนมากถูกธรรมชาติประหารพร้อมกันอย่างเลือดเย็น ทำให้ตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยนอนหลับสนิทแม้แต่คืนเดียว ใหม่ๆ ต้องใช้ยาช่วยให้ผ่อนคลาย

 

นายพิสิฐฎ์ เส็งกิ่ง นายกสมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดพังงา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยครั้งร้ายแรงที่สุดเมื่อปลายปี 2547 ได้ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากเกิดอาการหวาดผวา ไม่กล้าที่จะไปประกอบอาชีพบริเวณริมทะเลอีกต่อไป ขณะที่หลายครอบครัวที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบร่างของผู้ที่จากไป แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 15 ปีแล้วก็ตาม

 

นายมนัสศักดิ์ ยวนแก้ว ผู้ใหญ่บ้านน้ำเค็ม เปิดเผยว่า แม้เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยเมื่อปลายปี 2547 จะสร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ก็ได้สร้างโอกาสดีๆ และองค์ความรู้ต่างๆ ให้ประชาชน เข้าใจ สามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม มีการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใช้ในการเผชิญเหตุกับภัยพิบัติต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วโลกได้รู้จักบ้านน้ำเค็ม จากเหตุการณ์สึนามิเมื่อ 15 ปีก่อน ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวขยายตัว ชาวบ้านมีรายได้จากธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นโอกาสที่เกิดจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่ม

 

แม้ความโหดร้ายของภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อ 15 ปีก่อนจะสร้างบาดแผลลึกในจิตใจใครบางคน แต่ก็ต้องยอมรับว่าธรรมชาติได้ให้โอกาสใหม่ๆ แก่มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้เสมอ

 




เกาะติดข่าวที่นี่ 
website: www.TNNThailand.com  
facebook : TNNThailand 
twitter : @TNNThailand 
Line : @TNNThailand 
Youtube Official : TNNThailand

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

แท็กบทความ

สีนามิ
15ปีสึนามิ
คลื่นยักษ์
พังงา
ภูเก็ต