
สรุปข่าว
วันที่ 16 มีนาคม 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น.ได้มีหนังสือเลขที่ 0015(สส.) 41/104 เรื่อง กําหนดมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โรคโควิด 19 ถึง พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. โดยในหนังสือดังกล่าวระบุว่า รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.ได้เข้ารับการตรวจเนื่องจากมีอาการเป็นไข้ เจ็บคอ ซึ่งจากการตรวจปรากฏว่า ผลเป็นบวก ติดเชื้อไวรัส โรคโควิด 19 โดยมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการติดโรคโควิค 19 คือ วันเสาร์ที่ 7 มี.ค.63 เวลาประมาณ 19.00 น. ได้ไปรับประทานอาหารในงานวันเกิดกับเพื่อนที่ติดเชื้อโควิด 19 ที่ร้านลูกไก่ทอง สาขาบางนา-ตราด
และเมื่อเวลา 21.30 น. ได้เดินทางไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแฮชแทคทองหล่อ จนถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 8 มี.ค.63 ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 8 มี.ค.63 เวลา 09.00 น. ถึงวันจันทร์ที่ 9 มี.ค. 63 เวลา 09.00 น. ได้มาปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรที่ กก.สส.3 ฯ จากนั้นได้กลับบ้านพักผ่อนตามปกติและวันจันทร์ที่ 9 มี.ค.63 หลังจากกลับบ้านได้พักผ่อนตลอดทั้งวัน ต่อมาวันอังคารที่ 10 มี.ค. 63 เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ถึง 16.00 น. ได้เข้ามาทํางานที่ กก.สส.3 ฯ แล้วกลับที่พัก ในวันพุธที่ 11 มี.ค. 63 เวลา 13.00 น. ได้เข้ามาทํางานที่ กก.สส.3 ฯ จากนั้นได้ไปที่ กองสืบ บก.น.1 ใช้ เวลาประมาณ 15 นาที แล้วเดินทางกลับที่พัก
วันพฤหัสบดีที่ 12 มี.ค. 63 มาปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรที่ กก.สส.3 ฯ ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้ทราบว่า เพื่อนที่ไปร่วมงานวันเกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค. ป่วยติดเชื้อโควิค 19 วันศุกร์ที่ 13 มี.ค. จึงกักตัวอยู่ที่บ้านพักตลอดทั้งวัน วันเสาร์ที่ 14 มี.ค. เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. จึงได้เดินทางไปตรวจที่สถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตเมืองบางเขน และเมื่อประมาณ 22.00 น. ได้รับแจ้งผลการตรวจทราบว่า ตนติดเชื้อโควิค 19 คาดว่ามีการติดเชื้อไวรัสมาจากเพื่อน ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มี.ค. ตามรายละเอียดที่แจ้งแล้วนั้น
กก.สส.3 บก.สส.บช.น. จึงได้ตระหนักถึงความสําคัญของความปลอดภัยและสุขภาพของเจ้าหน้าที่ตํารวจ และผู้มาติดต่อราชการทุกท่าน และความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด 19 จึงออกมาตรการป้องกัน ดังนี้ มาตรการดําเนินการกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ ที่ทําการ ให้กักตัวเองโดยอยู่ในสถานที่ที่ทำการ พี่พักของตนเอง ห้ามออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน (มีกำหนดถึงวันที่ 1 เม.ย. 63) และให้เฝ้าดูอาการตนเอง หากตรวจพบมีอาการให้รีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลอื่นโดยเร็ว
ทั้งนี้ให้รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขยายการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นและสถานที่อื่น ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือเจลฆ่าเชื้อบ่อยๆ ดำเนินการประสานกับบริษัททำความสะอาดมาทำการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการและที่พักชั่วคราวในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 16.00 น.
กรณีที่กำลังพลมีอาการเจ็บป่วยเข้าข่ายอาการตามโรค ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบทันทีและทำการเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลตามที่ประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่รับการตรวจโรคโควิด 19 ในระหว่างการทำงานให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานซึ่งเข้าเวรประจำวันและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ดำรงการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์และทางโปรแกรมไลน์ตลอดเวลา
ต่อมา พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส. บช.น.ได้ออกมาตรการในการเฝ้าระวังโควิด-19 ดังนี้
1.มาตรการดำเนินกากับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ ที่ทำการ
1.1ให้กักตัวเองโดยอยู่ในสถานที่ที่ทำการ ที่พักของตนเอง ห้ามออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน (มีกำหนดถึงวันที่ 1 เม.ย.2563) และให้เฝ้าดูอาการตนเอง หากตรวจพบมีอาการให้รีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลอื่นโดยเร็ว ทั้งนี้ให้รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชา
1.2 งดกำลังพล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขยายการแพร่เชื้อไปยังบุคคลและสถานที่อื่น
1.3สวมหน้ากากอนามัย
1.4ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือเจลฆ่าเชื้อบ่อยๆ
1.5ดำเนินการประสานกับบริษัททำความสะอาด มาทำการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการ และที่พักชั่วคราว ในวันที่ 16 มีนาคม เวลา 16.00 น.
1.6กรณีที่กำลังพลมีอาการเจ็บป่วยเค้าข่ายอาการตามโรคให้แจ้งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบทันที และทำการเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลที่ประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่รับการตรวจโรคโควิด-19
1.7ในระหว่างการทำงานให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งเข้าเวรประจำวัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายดำเนินการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์และทางโปรแกรมไลน์ ตลอดเวลา
1.4ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ หรือเจลฆ่าเชื้อบ่อยๆ
1.5ดำเนินการประสานกับบริษัททำความสะอาด มาทำการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการ และที่พักชั่วคราว ในวันที่ 16 มีนาคม เวลา 16.00 น.
1.6กรณีที่กำลังพลมีอาการเจ็บป่วยเค้าข่ายอาการตามโรคให้แจ้งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบทันที และทำการเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลที่ประกาศรายชื่อโรงพยาบาลที่รับการตรวจโรคโควิด-19
1.7ในระหว่างการทำงานให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งเข้าเวรประจำวัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายดำเนินการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์และทางโปรแกรมไลน์ ตลอดเวลา
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ได้นำเจลล้างมือมาตั้งไว้บริเวณทางเข้าอาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถนนศรีอยุธยา พร้อมติดป้ายระบุ จุดคัดกรองโควิด-19 กรุณาใช้เจลล้างมือก่อนขึ้นตึก
ต่อมาเวลา 12.30 น.พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า เบื้องต้นหลังจากทราบว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งอยู่ในส่วนของกก.สส.3 บก.สส.บช.น. เบื้องต้นได้สั่งการปิดที่ทำการในส่วนของกก.สส.3 และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 ทั้งหมด 51 นาย กักตัวเองอยู่ในที่พักเป็นเวลา 14 วัน หากใครเริ่มมีอาการที่เข้าข่ายก็ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือหากต้องการทราบผลที่รวดเร็วสามารถเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลรามคำแหงซึ่งจะทราบผลภายใน 6 ชั่วโมง แล้วนำผลตรวจแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบในส่วนนี้ตนเองจะดูแลค่าใช้จ่ายให้ ทั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กก.สส.3 ทั้ง 51 นาย กักตัวเองอยู่ในที่พัก ก็สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำกับการ 1 2 4 และกองวิเคราะห์ มาช่วยเสริมกำลังในการปฏิบัติงานในส่วนของกองกำกับการ3 เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่องาน
อย่างไรก็ตามในวันนี้เวลา 16.00 น. ได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ บริเวณอาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถนนศรีอยุธยา กองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 1 กองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 รวมถึงห้องปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประทศไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ด้วย รวมถึงสั่งการไปยังทุกหน่วยในกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาลทั้งหมด งดเข้ามาภายในอาคารจนกว่าจะทำการฉีดพ่นยาจนแล้วเสร็จเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังที่อื่นๆ หากใครจำเป็นต้องเข้ามาในตึกจริงๆก็ให้ใช้เจลล้างมือที่จัดเตรียมไว้ให้หน้าตึก สวมหน้ากากอนามัยป้องกันไว้ก่อน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
- กทม.แจ้งปชช. เลี่ยงถนนพหลฯ ขาเข้า ปิดทางแยกขึ้นด่วนฝั่งเกาะดินแดง
- จนท.คุมเข้มรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ แนะ ปชช.เลี่ยงเส้นทาง
- บช.น.ประชุมเตรียมกำลังพร้อมรับมือชุมนุมใหญ่ คาดมีคนเข้าร่วมราว 3 พันคน
- โควิดระบาด! รมว.สธ. เผยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XEC ติดง่าย แต่หายไว
- “หมอยง” เปิดข้อมูล การติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
- "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส" ป้องกันลูกน้อยอย่างไร?
- รู้จัก “ไขสันหลังอักเสบ” มัจจุราชร้ายพรากชีวิต
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand