อุทธรณ์ชี้นับโทษคลาดเคลื่อนผิดหลง! "จตุพร"ติดคุกเพิ่มคดีหมิ่นฯ"อภิสิทธิ์"ประกันสู้ฎีกา

อุทธรณ์ชี้นับโทษคลาดเคลื่อนผิดหลง! "จตุพร"ติดคุกเพิ่มคดีหมิ่นฯ"อภิสิทธิ์"ประกันสู้ฎีกา

สรุปข่าว

12 กันยายน2562 ที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษกนายจตุพรพรหมพันธุ์อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือนปชได้เดินทางมาตามนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรณีมีผู้ยื่นร้องเกี่ยวกับการนับวันรับโทษของนายจตุพรในคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะอดีตนายกรัฐมนตรีได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่..2561 ขอให้ยกเลิกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด 


ซึ่งออกโดยศาลชั้นต้นเมื่อวันที่12 ..2561 ในคดีที่นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ในคดีหมายเลขดำ.4176/2552 (คดีหมายเลขแดง.240/2558)  ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานนปช.ในความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา328  ซึ่งกล่าวหานายอภิสิทธิ์ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขออภัยโทษให้แก่นายทักษิณชินวัตรซึ่งคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่14 ..2560 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้จำคุกนายจตุพร12 เดือนโดยไม่รอลงอาญาและให้นับโทษคดีจำคุกนายจตุพรต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง.4907/2555 (หมายเลขดำ.1962/2552) กรณีกล่าวหาเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชนและใส่ร้ายประชาชนกลุ่มเสื้อแดง


โดยคำร้องอุทธรณ์ของนายอภิสิทธิ์ดังกล่าวระบุว่าเมื่อคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ.4176/2552 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกนายจตุพร12 เดือนโดยไม่รอลงอาญาและให้นับโทษคดีจำคุกนายจตุพรต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง.4907/2555 (หมายเลขดำ.1962/2552) แล้วต่อมาศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้นับโทษนายจตุพรต่อ 


แต่จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าศาลชั้นต้นและศาลฎีกาไม่มีอำนาจพิพากษาให้นับโทษจำคุกนายจตุพรต่อจากอาญาหมายเลขแดง.4907/2555 จำเลยจึงขอให้ศาลแก้ไขคำพิพากษายกเลิกหมายจำคุกถึงที่สุดฉบับเก่า(ที่ให้มีการนับโทษต่อและให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่ 


ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วก็มีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยเพราะว่ายกเลิกคำพิพากษาเดิมที่ให้นับโทษต่อไม่ได้โดยศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาถึงที่สุดและมีการออกหมายตามคำพิพากษาแล้วซึ่งจำเลยก็ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวอีก  โดยศาลชั้นต้นก็ได้เรียกตัวจำเลยมาสอบถามซึ่งแถลงว่าหมายที่ให้นับโทษจำคุกคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนนั้นไม่ถูกต้อง 


ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นตรวจสอบรายงานกระบวนพิจารณาใหม่อีกครั้งปรากฎว่าในคดีหมิ่นประมาทนั้นศาลชั้นต้นไม่ได้ให้นับโทษจำคุกแต่ศาลอุทธรณ์มีการย่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าให้นับโทษจำเลยต่อซึ่งไม่ถูกต้องจนเมื่อผลคดีถึงที่สุดก็เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกถึงที่สุดโดยผิดหลงด้วยการให้นับโทษต่อ 


ดังนั้นศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องและเป็นธรรมกับตัวจำเลยโดยให้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เมื่อวันที่12 ..2561 ไม่ต้องนับโทษนายจตุพรจำเลยต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนซึ่งระบุวันนับโทษตั้งแต่วันที่..2560 โดยไม่หักวันต้องขังให้จำเลยทั้งนี้โจทก์เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นไม่นับโทษจำคุกนายจตุพรจำเลยต่อจากคดีอาญาหมิ่นประมาทอีกสำนวนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกาโจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้หมายเรียกจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ต้องนับโทษคดีอาญาต่อขณะที่ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของนายอภิสิทธิ์แล้วให้ยกคำร้องโจทก์จึงได้ยื่นอุทธรณ์


#ขณะที่ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่าแม้การออกหมายจำคุกถึงที่สุดจะเป็นเรื่องการบังคับโทษตามคำพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นมีอำนาจดำเนินการก็ตามแต่การออกหมายบังคับตามโทษนั้นก็จะต้องให้ถูกต้องกับโทษที่จำเลยควรได้รับตามความเป็นจริงด้วยซึ่งการที่ศาลชั้นต้นได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดเมื่อวันที่14 ..2560 ให้นับโทษจำคุกนายจตุพรจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง.4907/2555 ตามคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วและการที่ศาลชั้นต้นได้ยกเลิกหมายจำคุกดังกล่าวแล้วออกหมายบังคับโทษใหม่เมื่อวันที่12 ..2561 โดยอ้างว่าหมายจำคุกเดิมที่ศาลชั้นต้นออกนั้นทำโดยผิดหลงเนื่องจากศาลชั้นต้นที่เคยมีคำพิพากษาคดีนั้นไม่ได้ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง.4907/2555 แต่ศาลอุทธรณ์ย่อคำพิพากษาว่าศาลชั้นต้นให้นับโทษคดีต่อกันกับอีกสำนวนหนึ่งนั้นความจริงศาลชั้นต้น(คดีหมายเลขดำ.4176/2552) พิพากษาให้นับโทษจำคุกนายจตุพรจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง.4907/2555 ตรงตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาย่ออยู่แล้วไม่ได้เป็นข้อผิดพลาดดังนั้นที่ศาลชั้นต้นเคยยกเลิกหมายจำคุกถึงที่สุดฉบับเก่านั้นน่าจะเกิดจากความคลาดเคลื่อนผิดหลงของศาลชั้นต้นเองอุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น#


ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่นับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่.4907/2555 และให้ยกเลิกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของจำเลยลงวันที่19 ..2561 กับให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป(ที่ให้นับโทษจำคุกนายจตุพรคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ.4176/2552 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่.4907/2555)



ภายหลังฟังศาลอุทธรณ์ทนายความของนายจตุพรได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสดจำนวน200,000 บาทขอปล่อยชั่วคราวระหว่างที่จะฎีกาคำสั่งให้นับโทษใหม่ดังกล่าวโดยเมื่อเวลา16.00 .เศษศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายจตุพร” ระหว่างจะฎีกาคำสั่งโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ 


นายจตุพรกล่าวว่าตนได้รับการปล่อยตัวในวันที่..2561 นับจากตอนนั้นถึงเวลานี้ได้รับอิสรภาพมาแล้วปีวันโดยรับโทษไปแล้วปีกับ15 วันจากโทษจำคุกสำนวนรวมปีกับอีก12 เดือน  ขอขอบคุณศาลที่เมตตาให้ประกันตัวโดยนัดให้มารายตัววันที่12 ..2562 ส่วนการต่อสู้คดีก็จะต้องปรึกษาทนายความอีกครั้งเพื่อฎีกาให้วินิจฉัยว่าที่ตนเองได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำนั้นเป็นการปล่อยตัวตามคำสั่งศาลอาญาซึ่งไม่เคยมีกรณีนี้


 "บรรดาผู้รู้กฎหมายทั่วไปก็ตั้งข้อสังเกตุว่ากรณีเกิดขึ้นมาได้อย่างไรแต่ก็ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและไม่เคยหลบหนีกรณีนี้ตนบริสุทธิ์แสดงว่าได้รับโทษครบถ้วนแล้วซึ่งคำสั่งออกโดยศาลอาญาและเป็นกระบวนการยุติธรรมปกติ"


ด้านนายวิญญัติชาติมนตรีทนายความของนายจตุพรกล่าวอธิบายว่ากรณีดังกล่าวนี้ทนายความของนายอภิสิทธิ์โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ประเด็นการออกหมายจำคุกถึงที่สุดว่าที่ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อนั้นไม่ชอบซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วได้มีคำพิพากษากลับว่าที่ศาลชั้นต้นเคยมีคำสั่งเพิกถอนหมายจำคุกถึงที่สุดนั้นมิชอบจึงเท่ากับว่าหากเป็นเช่นนั้นนายจตุพรจะต้องติดคุกเพิ่มขึ้นอีก11 - 12 เดือนซึ่งจำเลยเห็นว่าอาจขัดกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ลงโทษนายจตุพรคดีหมิ่นประมาทสำนวนที่ไม่ได้มีคำพิพากษาให้นับโทษนายจตุพรต่อจากคดีแรกเรื่องนี้จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องหาข้อยุติว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่กลับให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะตนก็เข้าใจว่าอำนาจในการออกหมายจำคุกเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นเรื่องนี้จึงควรขึ้นสู่ศาลฎีกาให้มีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่าการออกหมายบังคับตามคำพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์มองว่าเป็นการผิดหลงของศาลชั้นต้นเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่


 “คดีวันนี้ผมเห็นว่าศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษจำคุกก็จริงแต่ไม่ให้นับโทษต่อศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้นับโทษต่อได้หรือไม่” นายวิญญัติกล่าว

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ