จากร้อยเอกสู่ด็อกเตอร์ธรรมนัส เส้นทาง 2 มิติ กระทบรัฐนาวา?

จากตราบาปของคำพิพากษาศาลออสเตรเลียคดียาเสพติด ถึงข้อกล่าวหาเรื่องวุฒิปริญญาเอกปลอม ของ “ร.อ.ดร.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เดินมาถึง “จุดพีค” ส่งผลต่อคุณสมบัติ ส.ส.พลังประชารัฐ  และ เก้าอี้รมช.เกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ ขณะที่กรรมาธิการปปช.ประจำสภา ยืนยันจะเดินหน้าขุดคุ้ยเรื่องนี้  เส้นทางและชะตากรรมของร.อ.ธรรมนัส เป็นมาอย่างไร และสุดท้ายจะกระทบรัฐนาวา รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ 

ปฎิเสธไม่ได้ว่า“ภาพลักษณ์” ของคณะรัฐมนตรี ใน “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2” เรือเหล็กต้องล่ม เพราะ “กงกรรม” ในอดีตเมื่อ 30 ปีก่อน ส่งผลถึงปัจจุบันหรือไม่  หลังสื่อออสเตรเลีย-บีบีซีไทย สื่อในประเทศ และสื่อโซเชียล “ขุดคุ้ย” เรื่องร้อนของ “ผู้กองธรรมนัส” 

คำพิพากษาศาลท้องถิ่น นครซิดนีย์ ตัดสินจำคุก 4 ปี ในคดียาเสพติด “ร.ท.มนัส โบกพรหม” ยศ-ชื่อและนามสกุลเดิมในขณะนั้น จน “ผู้กองธรรมนัส” ต้องใช้สิทธิกล่าวพาดพิงทั้งในและนอกสภา เพื่อ “แก้ต่าง”  ตามลำดับ โดยยืนยันว่า ไม่เคยถูกพิพากษาถึงที่สุด ตัดสินว่ากระทำผิด คดีในประเทศไทยและไม่มีประวัติอาชญากร  พร้อมย้ำเป็นเรื่องปกติที่มีเพื่อนและผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก เพราะเป็นคนกว้างขวาง เพื่อนฝูงเยอะ ใจกว้าง 

จากผู้กอง สู่บทบาททางการเมืองของ “ร.อ.ธรรมนัส” ตามคำยกของเจ้าตัว ว่า เป็นเส้นเลือดใหญ่ “ล้มธรรมนัสได้ ก็ล้มรัฐบาลได้” เสมือนเป็น “มือประสานสิบทิศ” ให้กับรัฐบาล และพลังประชารัฐ   สังเกตได้ชัดเจน ผู้กองมักปรากฏตัวในช่วง “เข้าด้ายเข้าเข็ม” ตั้งแต่ช่วงปิดดีล-ฟอร์มทีมครม.ประยุทธ์ 2/1 ในร้านกาแฟที่พรรคประชาธิปัตย์ การเป็น “มือกาว” และ “คนคอยหย่าศึกกลุ่ม-ก๊กภายในพลังประชารัฐ-10 พรรคเล็กนอกพรรค จนเป็นที่มาของ “สื่ออวตาร” ที่จ้องล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 

ขณะที่การขุดคุ้ย ร.อ.ดร.ธรรมนัส ถึงบทความเชิงวิชาการ ประกอบการขอจบ “ปริญญาเอก-ด็อกเตอร์” นับสิบจุด ของ “บีบีซีไทย” และการบุกไปที่ “แคลิฟอร์เนีย ยูนิเวอร์ซิตี เอฟซีอี” จนพบว่าเป็น “โรงเรียนอนุบาลเอกชน” ของเพจ CSI  LA จนเกิดความเคลือบแคลงสงสัย  พร้อมคำถามว่า วุฒิปริญญาที่ได้มาผ่านมาตราฐาน หรือไม่ หลัง อดีตกกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร แฉมีขบวนขบวนการค้าใบปริญญาปลอมเกิดขึ้นจริง พร้อมแนะให้แจ้งความเอาผิดกับขบวนการเหล่านี้ 

คำถามตัวโต ทั้งในแง่ของการขาดคุณสมบัติ-มีลักษณะต้องห้ามการเป็น ส.ส.-รัฐมนตรี และในแง่ของจริยธรรมของนักการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) ระบุคุณสมบัติต้องห้ามของบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรี “ประโยคหนึ่ง” ว่า ต้องไม่เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิด “ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า” ทว่า ปัญหาในกรณีนี้ ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณ ว่า หากไม่ตัดสินโดยศาลไทย อาจไม่เข้าข่ายมีคุณสมบัติต้องห้าม

แต่ทั้งนี้อาจจะไปเข้าข่ายขัดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ  และองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ที่บังคับใช้กับองค์กรอิสระ ส.ส. ส.ว. รวมถึง ครม.โดยในหมวด 2 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 17 ระบุว่า ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง และข้อ 19 “ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชน ในการปฏิบัติหน้าที่

จึงน่าคิดว่ากรณีของ “ผู้กองธรรมนัส” อาจสุ่มเสี่ยงเข้าข่ายขัดมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ โดยองค์กรที่จะทำหน้าที่ว่า ใครทำขัดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ(ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) ที่ระบุผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่  หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 

อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้ง 3 ป. ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ส่งเสียงดังฟังชัดว่า ไม่กระทบภาพลักษณ์ของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ก็ยิ่งทำให้เรื่องร้อนนี้ถูกขุดคุ้ย เปิดโปง เพื่อมัด ร.อ.ธรรมนัส จนดิ้นไม่หลุด จากพิษจำคุก จึงอาจทำให้รัฐนาวาเหล็กล่มได้

ทีมข่าวการเมือง สำนักข่าว TNN รายงาน

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand