ไม่พบหลักฐาน! กกต. ยกคำร้อง “แสวง บุญมี” หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่-ทุจริตต่อหน้าที่

ไม่พบหลักฐาน! กกต. ยกคำร้อง “แสวง บุญมี” หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่-ทุจริตต่อหน้าที่

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. ที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ลงนามคำวินิจฉัย กกต. ยกคำร้อง กรณีผู้ร้องยื่นร้องนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. โดยอ้างว่าก่อนการประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เลขาธิการกกต. หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่  

ซึ่งกกต.ได้พิจารณารายงานสืบสวนตลอดจนหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ผู้ยื่นคำร้องให้ถ้อยคำว่า “ผู้ถูกร้องหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติหน้าที่ โดยปปล่อยปละละเลยให้กลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหรือเคยเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกเป็น สว. ครั้งนี้ ซึ่งในการเลือกระดับประเทศ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ได้เห็นผู้มีสิทธิ์เลือก เลือกทุกกลุ่มสวมเสื้อสีเหลือง และได้ตรวจสอบข้อมูลการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว.3 ของกลุ่ม 13 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ฯ 

ส่วนในประวัติทำงานหรือประสบการณ์ทำงานในกลุ่มที่สมัครไม่ปรากฏหลักฐานชื่อชัดว่าผู้สมัครกลุ่มดังกล่าวนั้น เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี   และมีการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ โดยได้นำข้อมูลการลงคะแนนที่ได้บันทึกไว้มาจัดเรียงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และใช้หลักจิตวิทยาในการวิเคราะห์ 

โดยผู้มีสิทธิ์เลือกจะลงคะแนนเลือกให้แก่ตนเองก่อน จึงทราบว่าเป็นบัตรลงคะแนนของผู้มีสิทธิ์เลือกคนใด ซึ่งข้อมูลบางส่วนเป็นการลงคะแนนเป็นชุด  หลายรายจึงไม่อาจระบุได้ว่าเป็นบัตรลงคะแนนของผู้มีสิทธิ์เลือกคนใด และผู้ร้องเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. มาตรา 32

สรุปข่าว

กกต. ยกคำร้อง “แสวง บุญมี เลขาธิการกกต.” หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่ กรณีเลือกสว. 2567

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. ที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ลงนามคำวินิจฉัย กกต. ยกคำร้อง กรณีผู้ร้องยื่นร้องนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. โดยอ้างว่าก่อนการประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เลขาธิการกกต. หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่  

ซึ่งกกต.ได้พิจารณารายงานสืบสวนตลอดจนหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ผู้ยื่นคำร้องให้ถ้อยคำว่า “ผู้ถูกร้องหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติหน้าที่ โดยปปล่อยปละละเลยให้กลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองหรือเคยเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกเป็น สว. ครั้งนี้ ซึ่งในการเลือกระดับประเทศ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ได้เห็นผู้มีสิทธิ์เลือก เลือกทุกกลุ่มสวมเสื้อสีเหลือง และได้ตรวจสอบข้อมูลการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว.3 ของกลุ่ม 13 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ฯ 

ส่วนในประวัติทำงานหรือประสบการณ์ทำงานในกลุ่มที่สมัครไม่ปรากฏหลักฐานชื่อชัดว่าผู้สมัครกลุ่มดังกล่าวนั้น เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี   และมีการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครเป็นกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ โดยได้นำข้อมูลการลงคะแนนที่ได้บันทึกไว้มาจัดเรียงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และใช้หลักจิตวิทยาในการวิเคราะห์ 

โดยผู้มีสิทธิ์เลือกจะลงคะแนนเลือกให้แก่ตนเองก่อน จึงทราบว่าเป็นบัตรลงคะแนนของผู้มีสิทธิ์เลือกคนใด ซึ่งข้อมูลบางส่วนเป็นการลงคะแนนเป็นชุด  หลายรายจึงไม่อาจระบุได้ว่าเป็นบัตรลงคะแนนของผู้มีสิทธิ์เลือกคนใด และผู้ร้องเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. มาตรา 32

จากการสอบสวนในข้อเท็จจริงเป็นหนังสือว่าในวันรับสมัครเลือก สว. ผู้อำนวยการเรื่องระดับประเทศ เป็นผู้มีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ว่า ผู้สมัครต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ผู้สมัครต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

ขณะเดียวกันสำนักงาน กกต. ได้กำหนดมาตรการควบคุมการเลือก สว. ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตั้งแต่แต่งตั้งชุดปฏิบัติการข่าว ตั้งแต่การเลือกระดับอำเภอจนถึงระดับประเทศ จัดให้มีชุดเคลื่อนที่เร็วสนับสนุนชุดปฏิบัติการข่าว สั่งให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดลงพื้นที่สังเกตการณ์ กำหนดมาตรการป้องกันเพิ่มเติม 5 ข้อ 

ซึ่งจากสืบสวนหาข่าวไม่พบว่ามีแหล่งข่าวหรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนว่ากลุ่มการเมืองได้จัดตั้งหรือส่งกลุ่มบุคคลมาสมัครรับเลือกเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ส่วนกรณีการแต่งกายของผู้มีสิทธิ์เลือกที่จะสวมใส่ที่มีเสื้อสีเดียวกัน ไม่มีกฎหมายหรือระเบียบใดห้ามไม่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกกระทำการดังกล่าว 

เห็นว่าข้อเท็จจริงจากการสืบสวนรับฟังได้ว่า ผู้ร้องที่ยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำว่าในวันเลือกระดับประเทศได้เห็นผู้มีสิทธิ์เลือกทุกกลุ่มสวมเสื้อสีเหลือง และได้ตรวจสอบข้อมูลแนะนำตัวของกลุ่มที่ 13 ในส่วนประวัติการทำงานหรือประสบการณ์การทำงานในกลุ่มที่สมัครไม่ปรากฏหลักฐานที่แสดงได้ว่าผู้สมัครในกลุ่มดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี และมีการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครเป็นกลุ่มซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ 

ซึ่งตามข้อมูลที่ผู้ร้องอ้างอิง เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ของผู้ร้องและการตรวจสอบสถานะภาพสมาชิกพรรคการเมืองของผู้มีสิทธิ์เลือกระดับประเทศในกลุ่ม 13 จำนวน 147 คน ไม่พบว่าผู้มีสิทธิ์เลือกนั้นเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และประเด็นที่ผู้มีสิทธิ์เลือกได้สวมเสื้อที่มีสีเดียวกัน ก็ไม่ได้มีกฎหมายระเบียบห้ามการกระทำดังกล่าวอีกทั้งถือเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลในการแต่งกาย

ประกอบกับการเลือก สว. ครั้งนี้ เลขาธิการกกต. ผู้ถูกร้องได้กำหนดมาตรการต่างๆเพื่อควบคุมการเลือก การนับคะแนน การรายงานผลนับคะแนนให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. โดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า เลขาธิการ กกต. ในฐานะผู้ถูกร้อง หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำการอื่นใดอันเป็นการขัดขวางมิให้การเลือกเป็นไปตามกฎหมาย หรือตามรัฐธรรมนูญ หรือมีการจัดตั้งหรือส่งกลุ่มบุคคลมารับสมัครเลือกเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด 

อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า เลขาธิการกกต. กระทำการเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ปี 2561 มาตรา 32 ตามคำร้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

avatar

TNNThailand