นายกฯ ยันไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ไทยแข็งแกร่งมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมถูกกลั่นแกล้ง

นายกฯ ยันไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ไทยแข็งแกร่งมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมถูกกลั่นแกล้ง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมฝ่ายความมั่นคง ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่บ้านพิษณุโลก ย้ำจุดยืนไทยแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยสันติวิธีและภายใต้ความร่วมมือทวิภาคี

สรุปข่าว

นายกฯ แถลงหลังประชุมแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก หลังกัมพูชายื่นข้อพิพาท พร้อมตั้งทีมเฉพาะกิจติดตามสถานการณ์ ปกป้องและตั้งรับอย่างไร พร้อมประกาศไทยแข็งแกร่งและมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง-ขู่-ใส่ร้าย นอกจากนี้ได้ส่งข้อความถึงนายกฯกัมพูชาเสนอจัดประชุม RBC ระดับกองทัพสองประเทศ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมฝ่ายความมั่นคง ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่บ้านพิษณุโลก ย้ำจุดยืนไทยแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยสันติวิธีและภายใต้ความร่วมมือทวิภาคี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (Joint Boundary Commission – JBC) ครั้งล่าสุด ที่จบลงไปนั้น  ถือว่ามีความก้าวหน้าในการสร้างความเข้าใจระหว่างสองประเทศจากนี้ จะมีการจัดตั้ง“คณะทำงานเฉพาะกิจ” เป็นทีมประเทศไทย โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามและประสานงานด้านข่าวสารและความมั่นคงอย่างใกล้ชิด  ทั้งนี้ ประเทศไทยยืนยันไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก รวมถึงการดำเนินการในกรณีที่อยู่นอกกรอบทวิภาคีที่ได้ตกลงกันไว้ โดยรัฐบาลได้เตรียมทีมกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไว้อย่างรอบด้านแล้ว
               
ส่วนการปรับเวลาเปิด–ปิดด่านชายแดน นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าประเทศไทย ไม่ได้ปิดด่านแต่อย่างใด ยังคงเปิดให้บริการอยู่แต่เป็นการปรับเวลาเปิดและปิดให้เหมาะสม กับสถานการณ์ด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์จากฝั่งกัมพูชา ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้แจ้งไปยังฝ่ายกัมพูชาว่า จะขอหารือในระดับกองทัพ เพื่อให้การบริหารจัดการ ด่านชายแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและลดผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ  

นายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลต่อการสื่อสารของฝ่ายกัมพูชา ที่บางส่วนสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ที่อยู่นอกกรอบความตกลงระหว่างประเทศ โดยเห็นว่าการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ผ่านการหารือร่วมกัน อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย พร้อมย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยของชุมชน และรัฐบาลไทยยืนยันว่า การหารือระหว่างไทย–กัมพูชา จะดำเนินต่อไปภายใต้กรอบ JBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) 

โดยมีการจัดทำบันทึกอย่างเป็นทางการทุกขั้นตอน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ในระดับสากล และบ่ายวันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญ คณะทูตานุทูตต่างประเทศ ในประเทศไทย เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจร่วมกัน ถึงท่าทีของประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักการเจรจาระหว่างประเทศและกฎหมายสากล 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลและกองทัพไทยมีจุดยืนร่วมกันในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจในความแข็งแกร่งของประเทศไทยในฐานะรัฐเอกราชที่มีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย และข่มขู่ อย่างเด็ดขาด 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ฮุน เซน ขู่ปิดด่าน! กัมพูชาจะห้ามไทยขนส่งสินค้าหากไม่เปิดทุกจุดผ่านแดน

- กัมพูชา จำกัดพลเมืองไทยเข้าประเทศเหลือเพียง 7 วัน จากเดิม 60 วัน

- รบ.ย้ำ ไม่มีเรียกกำลังพลสำรอง กองทัพไม่มีนโยบายติดต่อ ปชช.ผ่านโทรศัพท์หรือไลน์

- กต. เรียกร้องกัมพูชาใช้กลไกทวิภาคีลดความตึงเครียดชายแดน

- กองทัพบก ชี้แจงแนวทางปฏิบัติตามคำสั่งควบคุมจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา

ที่มาข้อมูล : รัฐบาล

ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย