"สรรเพชญ" สส.พรรคประชาธิปัตย์ เตือนรัฐบาล อย่าเสียสมาธิ ย้ำต้องเร่งแก้ปากท้องเกษตรกร

"สรรเพชญ" สส.พรรคประชาธิปัตย์ เตือนรัฐบาล อย่าเสียสมาธิ ย้ำต้องเร่งแก้ปากท้องเกษตรกร
นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยเตือนว่ารัฐบาลกำลังเผชิญกับ “ศึกทั้งภายนอกและภายใน” พร้อมเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจตั้งหลักให้มั่น ฟังเสียงฝ่ายความมั่นคง และมีสมาธิกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ก่อนความเชื่อมั่นจะถดถอยทั้งในประเทศและในเวทีโลก

นายสรรเพชญ    มีข้อห่วงใยและข้อสังเกตใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ศึกภายนอกที่ไทยเสี่ยงเสียบทบาทภูมิรัฐศาสตร์ หากขาดยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยระบุถึงความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงนี้ว่า เป็นมากกว่าความขัดแย้งเรื่องพรมแดน เพราะแท้จริงแล้วเกี่ยวพันกับการช่วงชิงอิทธิพลในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและตอนล่างของอินโดจีน ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเป็นแกนกลางของภูมิภาคนี้

“วันนี้อาเซียนไม่ใช่แค่เวทีร่วมมือ แต่เป็นสนามแข่งขันทางอำนาจ หากไทยไม่ประเมินสถานการณ์ด้วยมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ ปัญหาไทย-กัมพูชาอาจถูกชาติอื่นแทรกแซง และบั่นทอนบทบาทของเรา”
นายสรรเพชญ ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลควรใช้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำที่เคยมีเป็น “ทุนทางการทูต” เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่กลับสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไร้สัญญาณของการประคับประคองความสัมพันธ์ ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองกลับตอบโต้อย่างไร้ทิศทาง พร้อมเสนอให้เปิดใจรับฟังฝ่ายความมั่นคง ซึ่งอยู่หน้างานจริงและมีข้อมูลเชิงลึกต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น


สรุปข่าว

“สรรเพชญ” เตือนรัฐบาล ศึกนอกศึกในถาโถม อย่าขาดสมาธิแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ซัดรัฐมนตรีปล่อยลาน-โรงงานกดราคาปาล์ม ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก
นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในขณะนี้ โดยเตือนว่ารัฐบาลกำลังเผชิญกับ “ศึกทั้งภายนอกและภายใน” พร้อมเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจตั้งหลักให้มั่น ฟังเสียงฝ่ายความมั่นคง และมีสมาธิกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ก่อนความเชื่อมั่นจะถดถอยทั้งในประเทศและในเวทีโลก

นายสรรเพชญ    มีข้อห่วงใยและข้อสังเกตใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ศึกภายนอกที่ไทยเสี่ยงเสียบทบาทภูมิรัฐศาสตร์ หากขาดยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยระบุถึงความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงนี้ว่า เป็นมากกว่าความขัดแย้งเรื่องพรมแดน เพราะแท้จริงแล้วเกี่ยวพันกับการช่วงชิงอิทธิพลในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและตอนล่างของอินโดจีน ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเป็นแกนกลางของภูมิภาคนี้

“วันนี้อาเซียนไม่ใช่แค่เวทีร่วมมือ แต่เป็นสนามแข่งขันทางอำนาจ หากไทยไม่ประเมินสถานการณ์ด้วยมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ ปัญหาไทย-กัมพูชาอาจถูกชาติอื่นแทรกแซง และบั่นทอนบทบาทของเรา”
นายสรรเพชญ ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลควรใช้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำที่เคยมีเป็น “ทุนทางการทูต” เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แต่กลับสิ่งที่เกิดขึ้นกลับไร้สัญญาณของการประคับประคองความสัมพันธ์ ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองกลับตอบโต้อย่างไร้ทิศทาง พร้อมเสนอให้เปิดใจรับฟังฝ่ายความมั่นคง ซึ่งอยู่หน้างานจริงและมีข้อมูลเชิงลึกต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น


ประเด็นถัดมาเรื่อง ศึกภายใน รวมถึงการแย่งตำแหน่งกระทบศรัทธาประชาชน   การวิจารณ์ความวุ่นวายในการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบันว่าเป็นภาพสะท้อนของการเมืองที่ไร้อุดมการณ์ และกำลังทำให้ประชาชนหมดหวัง 

“สิ่งที่ประชาชนเห็น ไม่ใช่ผู้นำที่ห่วงใยบ้านเมือง แต่คือเกมเก้าอี้ดนตรีของนักการเมืองในรัฐบาล โดยเฉพาะกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีรายวัน ขณะที่ชาวบ้านต้องดิ้นรนกับค่าครองชีพ หนี้สิน และเศรษฐกิจที่ถดถอย” พร้อมเตือนว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พรรคการเมืองที่ตกอยู่ในวังวนของการต่อรองผลประโยชน์ อาจกลายเป็นชนวนแห่งความล่มสลายของรัฐบาลเอง พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำฝ่ายบริหารมีสติและให้ความสำคัญกับประชาชนก่อนตำแหน่งทางการเมือง


ประการสุดท้ายเรื่องเศรษฐกิจ – ราคาปาล์มตกต่ำ ชาวบ้านเดือดร้อน รัฐต้องหยุดโรงงานเอาเปรียบเกษตรกร

นายสรรเพชญ กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะวิกฤตราคาปาล์มน้ำมันที่กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเกษตรกรในหลายพื้นที่ภาคใต้ โดยชี้ว่า ขณะนี้ลานรับซื้อและโรงงานบางแห่งได้ “หยุดรับซื้อ” หรือ “จำกัดโควตา” จนทำให้รถบรรทุกผลปาล์มต้องต่อคิวยาวกว่า 2-3 กิโลเมตรเพื่อรอขายสินค้า นอกจากนี้ยังมีปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรอื่น ๆ ที่ตกต่ำอีกเช่น ยางพารา เป็นต้น 

“ราคาน้ำมันปาล์มขวดในห้างขึ้นราคา แต่ราคาผลผลิตปาล์มจากเกษตรกรกลับร่วงหนัก นี่คือภาพสะท้อนของระบบเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม รัฐต้องไม่ปล่อยให้โรงงานเป็นผู้กำหนดเกมอยู่ฝ่ายเดียว”  เขาเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เสทือนใส่เกียร์ว่างเพราะจะหลุดจากตำแหน่ง ได้ใช้โอกาสที่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายไปลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์จริง และหาทางแก้ปัญหาเชิงระบบ ทั้งด้านกลไกตลาดและการควบคุมการกดราคาจากผู้รับซื้ออย่างจริงจัง

พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลต้องทบทวนบทบาทของตนเองอย่างเร่งด่วน พร้อมเปิดพื้นที่ให้กับแนวคิดใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์อนาคต เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการเติบโตของเมืองและเศรษฐกิจ อันจะทำให้พื้นที่อื่น ๆ ได้รับการพัฒนา การปฏิรูประบบแรงงานเพื่อรับมือ AI การดึงดูดการลงทุนคุณภาพสูงจากต่างประเทศ และการวางระบบการศึกษาใหม่เพื่อปั้นคนไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก

“สิ่งที่รัฐบาลต้องตอบตอนนี้ไม่ใช่แค่ใครจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี แต่ต้องตอบให้ได้ว่าเราจะพาคนไทยไปสู่ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง และเท่าทันโลกได้อย่างไร” นายสรรเพชญกล่าวในตอนท้าย 


ที่มาข้อมูล : พรรคประชาธิปัตย์

ที่มารูปภาพ : พรรคประชาธิปัตย์