ชายแดนไทย - กัมพูชาล่าสุด กองทัพไทยวางกำลังตามแนวที่มั่น พร้อมโต้หากถูกรุกล้ำ

ชายแดนไทย - กัมพูชาล่าสุด กองทัพไทยวางกำลังตามแนวที่มั่น พร้อมโต้หากถูกรุกล้ำ

สถานการณ์ 7 จังหวัดชายแดนไทย -  กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 18.00 ถึงเช้านี้ "ไม่มีการปะทะ"

วันนี้ (13 ส.ค.68) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 จนถึงเช้าวันนี้ (วันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 07.00 น.) เหตุการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา 7 จังหวัด ไม่มีการปะทะ โดยกองทัพไทย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นอย่างแข็งขันใน 11 พื้นที่ใน 7 จังหวัด และ พร้อมตอบโต้หากถูกรุกล้ำอธิปไตยทันที โดยฝ่ายไทย ยังยึดมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมา แต่ยังพบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและสนธิสัญญา ออตตาวา ของกัมพูชาอย่างร้า

สรุปข่าว

ตั้งแต่ค่ำวันที่ 12 ส.ค. ถึงเช้าวันที่ 13 ส.ค. บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาใน 7 จังหวัดยังไม่มีเหตุปะทะ แต่กองทัพไทยยังคงวางกำลังแน่นหนาใน 11 พื้นที่ พร้อมตอบโต้หากถูกรุกล้ำ ฝ่ายไทยยังยึดตามข้อตกลง GBC

สถานการณ์ 7 จังหวัดชายแดนไทย -  กัมพูชา ตั้งแต่เวลา 18.00 ถึงเช้านี้ "ไม่มีการปะทะ"

วันนี้ (13 ส.ค.68) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 จนถึงเช้าวันนี้ (วันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 07.00 น.) เหตุการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา 7 จังหวัด ไม่มีการปะทะ โดยกองทัพไทย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นอย่างแข็งขันใน 11 พื้นที่ใน 7 จังหวัด และ พร้อมตอบโต้หากถูกรุกล้ำอธิปไตยทันที โดยฝ่ายไทย ยังยึดมั่นปฏิบัติตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมา แต่ยังพบการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและสนธิสัญญา ออตตาวา ของกัมพูชาอย่างร้า

ขณะเดียวกัน ศบ.ทก. ได้แจ้งประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้วหากพบวัตถุต้องสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าดำเนินการทันที

อย่างไรก็ตามเมื่อวานที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการประท้วงต่อเหตุการณ์ครั้งที่ 4 ในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 1. ตามที่เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2610 รวม 7 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องจุบตะโมก จังหวัดสุรินทร์ ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล นั้น รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจของฝ่ายกัมพูชา การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งขัดต่อหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ และเป็นการละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน

 2. เหตุการณ์ในครั้งนี้ และเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 สะท้อนความไม่จริงใจของกัมพูชา และเป็นการขัดต่อมาตรการหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในการนี้ ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯ โดยทันที

3. ไทยจะประท้วงไปยังกัมพูชา และประธานอนุสัญญาฯ รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด พิจารณาทบทวนการให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ไทยจะพิจารณาดำเนินมาตรการอื่นๆ เพื่อตอบโต้กัมพูชาตามที่เห็นเหมาะสมต่อไป

 4. ไทยยืนยันความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ และผิดหวังอย่างยิ่งที่กัมพูชา ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และแสดงตนเป็นผู้ยึดมั่นในพันธกรณีตามอนุสัญญาฯ กลับใช้ทุ่นระเบิดเพื่อสังหารมนุษย์ด้วยกันอย่างไร้มนุษยธรรม และขอเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียนซึ่งทำงานบนพื้นฐานของกฎกติกาสากล เรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างจริงจัง และให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นตามมติที่ประชุม GBC สมัยวิสามัญ ข้างต้น พิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนระหว่างการลงพื้นที่ในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อให้พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองประเทศ

ที่มาข้อมูล : ไทยคู่ฟ้า,กระทรวงต่างประเทศ

ที่มารูปภาพ : กองทัพบก