ปชน. เลือก “อนุทิน” นั่งนายกฯ ย้อนปูมหลัง ภท. “พูดแล้วทำ”

ปชน. เลือก “อนุทิน” นั่งนายกฯ  ย้อนปูมหลัง ภท. “พูดแล้วทำ”

แม้จะยังไม่มีความชัดเจนจากพรรคประชาชนว่าจะมีมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากเก้าอี้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หนึ่งในคำถามที่สมาชิกพรรคประชาชนสอบถามและถกเถียงกันภายในพรรค คือ จะสามารถเชื่อใจพรรคภูมิใจได้มากน้อยแค่ไหนว่าจะรักษาคำพูด โดยเฉพาะการยุบสภาภายในเวลาที่ตกลงกันไว้

ทั้งนี้ หากย้อนดูพรรคภูมิใจไทย มักจะตอกย้ำจุดขาย “พูดแล้วทำ” โดยเฉพาะในการเลือกตั้งปี 2566 โดยชูว่าเป็น DNA ของพรรคที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ต่อประชาชนและสามารถทำสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในนโยบายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ การผลักดันกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ วิจัย และเศรษฐกิจครัวเรือน แม้จะยังมีเสียงถกเถียงเรื่องมาตรการควบคุม แต่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นจริงตามคำประกาศของพรรค

อีกผลงานสำคัญคือ การแก้กฎหมายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยยกเลิกดอกเบี้ยและค่าปรับผิดนัด ทำให้ผู้กู้สามารถชำระหนี้ได้โดยไม่ถูกซ้ำเติม

ด้านสาธารณสุข พรรคภูมิใจไทยยังเดินหน้า โครงการหมอครอบครัว และเพิ่มแพทย์ประจำตำบล รวมถึงปรับค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อเสริมกำลังบุคลากรด่านหน้า 

ขณะเดียวกันยังแก้ปัญหารถโดยสารและการใช้แอปเรียกรถ เช่น Grab ให้เข้าสู่ระบบกฎหมาย ลดข้อขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการดั้งเดิมกับแพลตฟอร์มสมัยใหม่

ภาพรวมสะท้อนว่าพรรคภูมิใจไทยเลือกชูประเด็นที่จับต้องได้ และสามารถพิสูจน์ผลงานต่อประชาชนในฐานะพรรค “พูดแล้วทำ” แต่บทพิสูจน์บทใหม่ของพรรคภูมิใจไทยคือการรักษาคำพูดในการขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชนเพื่อแลกกับเสียงโหวตนายกรัฐมนตรี โดยมีเงื่อนไข หนึ่งในนั้นคือเงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือน

สรุปข่าว

ย้อนดูนโยบายภูมิใจไทยที่พูดแล้วทำ ก่อน ปชน. ลงมติหนุน “อนุทิน”​ นั่งนายกฯ

แม้จะยังไม่มีความชัดเจนจากพรรคประชาชนว่าจะมีมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากเก้าอี้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หนึ่งในคำถามที่สมาชิกพรรคประชาชนสอบถามและถกเถียงกันภายในพรรค คือ จะสามารถเชื่อใจพรรคภูมิใจได้มากน้อยแค่ไหนว่าจะรักษาคำพูด โดยเฉพาะการยุบสภาภายในเวลาที่ตกลงกันไว้

ทั้งนี้ หากย้อนดูพรรคภูมิใจไทย มักจะตอกย้ำจุดขาย “พูดแล้วทำ” โดยเฉพาะในการเลือกตั้งปี 2566 โดยชูว่าเป็น DNA ของพรรคที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ต่อประชาชนและสามารถทำสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในนโยบายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ การผลักดันกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ วิจัย และเศรษฐกิจครัวเรือน แม้จะยังมีเสียงถกเถียงเรื่องมาตรการควบคุม แต่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นจริงตามคำประกาศของพรรค

อีกผลงานสำคัญคือ การแก้กฎหมายกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยยกเลิกดอกเบี้ยและค่าปรับผิดนัด ทำให้ผู้กู้สามารถชำระหนี้ได้โดยไม่ถูกซ้ำเติม

ด้านสาธารณสุข พรรคภูมิใจไทยยังเดินหน้า โครงการหมอครอบครัว และเพิ่มแพทย์ประจำตำบล รวมถึงปรับค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อเสริมกำลังบุคลากรด่านหน้า 

ขณะเดียวกันยังแก้ปัญหารถโดยสารและการใช้แอปเรียกรถ เช่น Grab ให้เข้าสู่ระบบกฎหมาย ลดข้อขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการดั้งเดิมกับแพลตฟอร์มสมัยใหม่

ภาพรวมสะท้อนว่าพรรคภูมิใจไทยเลือกชูประเด็นที่จับต้องได้ และสามารถพิสูจน์ผลงานต่อประชาชนในฐานะพรรค “พูดแล้วทำ” แต่บทพิสูจน์บทใหม่ของพรรคภูมิใจไทยคือการรักษาคำพูดในการขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชนเพื่อแลกกับเสียงโหวตนายกรัฐมนตรี โดยมีเงื่อนไข หนึ่งในนั้นคือเงื่อนไขการยุบสภาภายใน 4 เดือน

ที่มาข้อมูล : พรรคภูมิใจไทย

ที่มารูปภาพ : พรรคภูมิใจไทย