
ยืนยันไทยยึด "ปราสาทตาควาย" ได้ 100%
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวจากศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ฝ่ายไทยสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจาก "ตัวปราสาทตาควาย" ซึ่งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทยได้สำเร็จ
"ยืนยันว่า ปัจจุบันกองกำลังของไทยสามารถยึดตัวปราสาทตาควายได้แล้ว 100% บริเวณรอบข้างพื้นที่ปราสาทตาควาย ยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง แต่ฝ่ายไทยก็พยายามยึดครองพื้นที่ในรอบบริเวณ แต่ตัวปราสาท ยืนยันว่าสามารถยึดได้แล้ว 100% มีธงชาติไทยโบกสะบัดอยู่บนปราสาทตาควาย" พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
สรุปข่าว
ยืนยันไทยยึด "ปราสาทตาควาย" ได้ 100%
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวจากศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ฝ่ายไทยสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจาก "ตัวปราสาทตาควาย" ซึ่งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทยได้สำเร็จ
"ยืนยันว่า ปัจจุบันกองกำลังของไทยสามารถยึดตัวปราสาทตาควายได้แล้ว 100% บริเวณรอบข้างพื้นที่ปราสาทตาควาย ยังมีการปะทะกันต่อเนื่อง แต่ฝ่ายไทยก็พยายามยึดครองพื้นที่ในรอบบริเวณ แต่ตัวปราสาท ยืนยันว่าสามารถยึดได้แล้ว 100% มีธงชาติไทยโบกสะบัดอยู่บนปราสาทตาควาย" พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวเพิ่มเติมถึงการปฏิบัติการในพื้นที่กลุ่มปราสาทตาควายว่า ในส่วนของตัวปราสาทนั้น กองกำลังของไทยสามารถเข้าควบคุมได้แล้ว ส่วนเนินอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบ ยังอยู่ในระหว่างความพยายามที่จะปฏิบัติการ ซึ่งขณะนี้ยังเป็นไปตามแผน และเชื่อว่าบริเวณเนินเป้าหมาย อีก 2-3 พื้นที่นั้น อยู่ในขีดความสามารถของกองทัพบกที่จะดำเนินการได้
สำหรับประเด็นที่มีกระแสข่าวว่าจีนติดต่อขอรับคืนอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาทิ้งไว้จากที่ทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ได้นั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูลในเรื่องที่จีนจะขอคืนอาวุธดังกล่าว แต่โดยปกติแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถยึดได้ในพื้นที่การสู้รบ จะต้องถูกควบคุมไว้ก่อน และอยู่ในความดูแลของฝ่ายไทย เพราะอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งหลังปฏิบัติภารกิจจบจึงค่อยว่ากัน
"โดยปกติเมื่อควบคุมที่หมายได้ จะมียุทโธปกรณ์ของฝ่ายกัมพูชาทิ้งไว้ในพื้นที่ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการอย่างอื่น อยู่ระหว่างจัดระเบียบ และเสริมความมั่นคงในพื้นที่ ส่วนยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ จะมีการจัดระเบียบ จัดเก็บไว้ ยังไมมีข้อมูลจะทำอะไรกับอุปกรณ์เหล่านั้น...ถือว่าเป็นสิ่งที่เราต้องควบคุมไว้ เพราะอยู่ในพื้นที่การรบ เราต้องควบคุมไว้ แต่จะดำเนินการอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลังเสร็จสิ้นภารกิจจริง ๆ แล้วค่อยมาว่ากัน" โฆษกกองทัพบก ระบุ
ข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ล่าสุดของวันที่ 15 ธ.ค.68
- ประชาชนเสียชีวิต (ผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์) 12 คน
- ประชาชนเสียชีวิต (จากการโจมตีของกัมพูชา) 1 คน
- ประชาชนบาดเจ็บ (จากการโจมตีของกัมพูชา) 5 คน
- ศูนย์พักพิงชั่วคราว มีจำนวน 996 แห่ง
- ประชาชนในศูนย์พักพิง จำนวน 261,137 คน
- โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 20 แห่ง
- รพ.สต. ที่ได้รับผลกระทบ 218 แห่ง
ไม่ถึงขั้นปิดอ่าวไทย แค่ตัดการส่งกำลังบำรุงจากไทยไปกัมพูชา
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ (ทร.) ชี้แจงถึงกรณีที่กัมพูชา อ้างว่าไทยปิดกั้นการขนส่งสินค้าทางทะเลไปยังกัมพูชาผ่านอ่าวไทย ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่กองทัพเรือดำเนินการ คือ เพียงแค่ตัดการส่งกำลังบำรุงและยุทธปัจจัยจากไทยไปกัมพูชาเท่านั้น ดังนั้น ข่าวที่ออกมาจากผู้บริหารระดับสูงของกัมพูชาถือเป็น "เฟคนิวส์" โดยขอยืนยันว่า กองทัพเรือไม่มีเจตนาที่จะกระทำตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง เพราะไทยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศเป็นอย่างดี
"เราเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และเข้าใจประชาคมโลกอย่างดี ดังนั้น สิ่งที่เราทำ คือแค่ตัดการส่งกำลังบำรุงและยุทธปัจจัยที่จะออกจากประเทศไทยไปกัมพูชาเพียงเท่านั้น" โฆษกกองทัพเรือ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่า พบเรือบรรทุกน้ำมันของไทย จำนวน 2 ลำ อยู่ใกล้กับบริเวณเกาะกงนั้น โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ปัจจุบันมีหลายบริษัทเดินเรือที่ไทยเป็นเจ้าของเรือ และใช้เรือของไทยลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงไปในพื้นที่กัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมา กองทัพเรือได้พยายามเจรจากับเจ้าของเรือนั้น ๆ โดยขอความร่วมมือไม่ให้สนับสนุนการลำเลียงยุทธปัจจัยเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งประเด็นนี้จะได้มีการพิจารณากันในระดับของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อีกครั้ง
ด้าน นางมาระตี นะลิดา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีกระแสข่าวข้อกังวลเกี่ยวกับการปิดอ่าวไทย โดยยืนยันใน 2 ประเด็นสำคัญ ว่า
1.ไทยไม่ประสงค์จะยกระดับสถานการณ์ การดำเนินการของไทย เป็นการปกป้องอธิปไตย และเพื่อลดภัยคุกคามเท่านั้น โดยเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยจะป้องกันไม่ให้การดำเนินการของไทย ซึ่งเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนนั้น ส่งผลกระทบต่อพลเรือน และภูมิภาคในวงกว้าง
2. ไทยยึดมั่นและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะล ค.ศ.1982 (UNCLOS) ที่ให้ความสำคัญอันดับต้นกับการรักษาเสถียรภาพในการเดินเรือ (Freedom of Navigation) และไม่ประสงค์ให้ส่งผลกระทบต่อการค้า การคมนาคม หรือห่วงโซ่อุปทาน
สำหรับการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ จ.ตราด นั้น ยืนยันว่า ปัจจุบันยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ ทั้งนี้ เข้าใจดีว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการดังกล่าว แต่ทั้งนี้ กองทัพเรือจะใช้มาตรการดังกล่าวให้สั้นที่สุด เพื่อความปลอดภัยในพื้นที่ เพราะขณะนี้ยังมีรายงานว่ามีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่ จ.ตราด ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายทหาร ได้ร่วมมือกันเพื่อป้องกันการกระทำดังกล่าวอยู่
พล.ร.ต.ปารัช กล่าวว่า หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หรือมีเหตุจำเป็นที่ต้องเดินทางสัญจรในช่วงเวลากลางคืน ขอยืนยันว่าด่านความมั่นคงที่ประจำตามจุดต่าง ๆ พร้อมที่จะอำนวยความสะดวก โดยสามารถติดต่อหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้ หากประชาชนมีความจำเป็นต้องออกนอกเคหะสถานในเวลากลางคืน
นอกเหนือจากการดูแลประชาชนแล้ว ยังจะมีการดูแลหน่วยที่ตั้งทางทหาร และสถานที่ราชการที่สำคัญ ซึ่งนอกจากมาตรการเคอร์ฟิวที่ออกไปแล้ว ยังจะมีมาตรการในการตรวจตราสถานที่ราชการ และสถานที่สำคัญในพื้นที่ อีกทั้งจะร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่สอดส่องดูแล และใช้มาตรการข่าวกรอง เข้ามาสนับสนุนปฏิบัติการด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง หรือตำรวจในพื้นที่
- คลิปนาที กกล.บูรพา ใช้โดรนทิ้งระเบิดทำลายที่ตั้งยิงอาวุธยิงสนับสนุนฝ่ายกัมพูชา
- “นายก” เรียกถก เลขา สมช. - จ่อส่งเที่ยวบินไปรับคนไทยหลายพันคนกลับ
- กรมศิลปากรยืนยัน ซ้อม "ปราสาทตาควาย" เสียหายจากปะทะได้แน่นอน
- ทบ. เผยควบคุมพื้นที่ "ปราสาทตาควาย" ได้แล้ว ส่วนเนิน 350 อยู่ระหว่างปฏิบัติการ
- ชายแดนล่าสุด! พ.อ.ริชฌา แถลง กัมพูชา โจมตีพื้นที่พลเรือนฝั่งไทยต่อเนื่อง
