
สรุปข่าว
วันนี้ (3 มิ.ย.63) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกของกรรมการบริหารพรรค 18 คนว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคการเมืองใหม่ แม้ที่จริงยังไม่ใช่พรรคที่มีเสียง ส.ส. มากที่สุดในสภา แต่เมื่อได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคต้องมีกิจกรรมทางการเมืองที่กระฉับกระเฉง และมุ่งมั่นเพื่อที่จะเป็นหลักในทางการเมือง ดังนั้นการปรับปรุงองค์ประกอบของพรรค คือการปรับพื้นฐานของพรรคให้มีความหนักแน่น มั่นคงมากขึ้น จะนำพาพรรคไปสู่การเป็นเสาหลักที่มั่นคงของประเทศต่อไป เพื่อให้พรรคกลายเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ของประเทศ ย้ำปัญหาที่เกิดขึ่นไม่ใช่ทะเลาะกันแต่เกิดจากการอยากให้พรรคเดินไปข้างหน้าและปรับตัวร่วมกัน
พร้อมกันนี้ขอฝากไปยังสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐทุกคนให้หยุดในสิ่งที่อาจจะทำให้สังคมเข้าใจผิด จากการสัมภาษณ์ พูดคุย หรือสร้างเครื่องมือการสื่อสารทางสังคมซึ่งอาจทำลายข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือบ้านเมือง และอาจจะเป็นการทำลายพรรคในทางอ้อม
ส่วนกรณีที่หลายกลุ่มให้การสนับสนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ทุกคนมีโอกาสเข้ามาทำงาน ใครที่เข้าใจ ตอบสนองความต้องการประชาชน คนนั้นจะได้รับการยอมรับ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีจุดเเข็งที่จะนำนโยบายของพรรคไปนำเสนอให้กับรัฐบาล และสามารถสื่อสารได้ชัดเจนในการแก้ปัญหา ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคไม่ใช่เป็นการเลือกของส.ส. หรือคนกลุ่มใดกลุ่มนึง แต่เป็นการเลือกโดยภาพรวม
ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นั้น ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยืนยันตนดีกับทุกคน ไม่มีปัญหากับใคร แต่ในสภาผู้แทนราษฏรนายสมคิดยืนยันว่าตนไม่ใช่กลุ่มสามมิตร ดังนั้นจะความเกี่ยวกันได้อย่างไร และสามมิตรก็สลายไปแล้ว เพราะในพรรคพลังประชารัฐเองก็ไม่อยากให้แบ่งเป็นกลุ่มก้อน
อย่างไรก็ตาม จะลุกลามทำให้กลุ่มคนที่ไม่พอใจออกไปตั้งพรรคใหม่หรือไม่นั้น ก็เป็นไปได้ แต่รัฐบาลพึ่งเริ่มทำงานมาปีกว่า การจะออกไปตั้งพรรคใหม่คงขาดใจตายก่อน ส่วนตัวจึงมองรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะอยู่ครบ 4 ปี และนายกรัฐมนตรีขยันงาน เข้าใจปัญหาประชาชน และตอบคำถามสภาผู้แทนราษฎรเองทุกคำถาม แต่ยอมรับว่าการปรับคณะกรรมการบริหารพรรค อาจส่งผลให้เกิดการปรับคณะรัฐมนตรีให้ตรงตามโควต้าพรรคการเมือง
ส่วนปัญหาคนทะเลาะในพรรคยืนยันไม่มีไม่พอมีปัญหา ยืนยันจะจบได้ด้วยการนำนโยบายนี้สู่การปฏิบัติ ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นความคิดเห็นทางการเมือง ตนไม่ขัดแย้งกับใคร มุ่งเตรียมการสู่การเลือกตั้งปีหน้า ไม่ใช่การเตรียมการปีสุดท้ายเพราะจะเป็นการเอาเปรียบประชาชน
ส่วนใครที่มองว่าเป็นการเสร็จนาฆ่าโคถึกคนนั้นเป็นคนมองแคบ มองแค่ประโยชน์บางกลุ่มบางพวก
นอกจากนั้น ยังมองว่า พล.อ.ประวิตร ไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรค แต่อาจจะมาจากสมาชิกร้องขอ หรือเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมืองมากกว่า ส่วนการประชุมใหญ่กรรมการบริหารพรรคจะมีขึ้นไม่เกิน 15 ก.ค.นี้
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand