หัวเว่ยซัดสหรัฐฯโจมตีทางไซเบอร์ขวางธุรกิจ

วันนี้ ( 4 ก.ย. 62 )หัวเว่ย เทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมใหญ่ที่สุดในโลกของจีน ออกแถลงการณ์ยาวเหยียด ปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลเรื่องขโมยเทคโนโลยีจากนายรุย เปโดร โอลิเวรา นักประดิษฐ์โปรตุเกส ที่อ้างว่าคนของหัวเว่ยมาพบแล้วขโมยการออกแบบของเขาไปผลิตกล้องหัวเว่ยเอ็นวิชัน 360 ซึ่งเป็นกล้องจิ๋วถ่ายรูปได้ 360 องศาที่เป็นอุปกรณ์เสริมของสมาร์ทโฟน หัวเว่ยขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่าเป็นข้อกล่าวหาเท็จ หัวเว่ยยอมรับว่าคนของบริษัทพบกับนายโอลิเวราจริงในปี 2557 แต่กล้องเอ็นวิชัน 360 ออกแบบและพัฒนาโดยพนักงานของหัวเว่ย และไม่ได้ใช้ข้อมูลของนายโอลิเวราแต่อย่างใด

แถลงการณ์ของหัวเว่ยยังทีเนื้อหาโจมตีรัฐบาลสหรัฐว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สหรัฐได้ยกระดับอิทธิพลทางการเมืองและการทูตวิ่งเต้นให้รัฐบาลประเทศอื่น ๆ ห้ามการใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย รวมถึงใช้เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่ ทั้งอำนาจตุลาการและอำนาจบริหาร รวมถึงวิธีการไร้ยางอายขัดขวางการประกอบธุรกิจตามปกติของหัวเว่ยและหุ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อแทรกซึมเข้ามาในระบบสารสนเทศภายในของหัวเว่ย ออกคำสั่งให้ผู้มีอำนาจทางกฎหมายข่มขู่ คุกคาม บีบบังคับ หลอกลวง และปุกปั่นพนักงานและอดีตพนักงานของหัวเว่ย ให้ทรยศบริษัทและทำงานให้สหรัฐแทน สืบสวนโดยอิงจากรายงานสื่ออันเป็นเท็จ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อโจมตีบริษัท และขัดขวางการดำเนินธุรกิจและการสื่อสารทางเทคนิคที่เคยเป็นปกติเรียบร้อย โดยใช้วิธีข่มขู่ การปฏิเสธวีซ่า และการยับยั้งการจัดส่งผลิตภัณฑ์ และวิธีอื่นๆ

วอลล์สตรีทเจอร์นัลที่รายงานข่าวนี้เมื่อสัปดาห์ก่อนระบุว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังสอบสวนข้ออ้างของนายโอลิเวราอยู่ ซึ่งอาจทำให้หัวเว่ยถูกตั้งข้อหาอาญาเพิ่มอีก เดือนที่แล้วกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ระงับเป็นครั้งที่สองเรื่องการบังคับใช้ระเบียบห้ามบริษัทอเมริกันจำหน่ายชิ้นส่วนและเทคโนโลยีให้แก่หัวเว่ยและห้ามซื้ออุปกรณ์จากหัวเว่ย แต่จะเพิ่มชื่อบริษัทอีก 46 แห่งไว้ในรายชื่อบริษัทสาขาและในเครือหัวเว่ยที่จะรวมอยู่ในระเบียบดังกล่าวเมื่อทางการบังคับใช้เต็มรูปแบบ ทำให้รวมเป็นกว่า 100 บริษัทแล้ว