
สรุปข่าว
วันนี้ ( 10 ก.ย. 62 ) วารสารการแพทย์ JAMA ได้ตีพิมพ์ข้อมูลจากการศึกษาชายหญิง 451,743 คน จาก 10 ประเทศในยุโรป ในระยะเวลา 19 ปี พบว่า การบริโภคน้ำอัดลมวันละ 2 แก้วขึ้นไป จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและลำไส้ และหากดื่มน้ำอัดลมประเภทไดเอ็ท หรือที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล วันละ 2 แก้วขึ้นไป จะมีส่วนเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ
นอกจากนี้ในการศึกษายังพบว่า การดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมากต่อวัน ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพาร์กินสันอีกด้วย ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของผู้ที่อยู่ในการวิจัยนี้ อยู่ที่ 50.8 ปี และราว 71.1% เป็นผู้หญิง
การศึกษานี้ครอบคลุมผลกระทบของการบริโภคน้ำอัดลมในทุกรูปแบบ ทั้งที่ใช้น้ำตาลธรรมชาติและที่ใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่ขนาดการบริโภค 1 แก้ว เท่ากับประมาณ 250 มิลลิลิตร แต่ปัจจุบันน้ำอัดลมที่จำหน่ายทั่วโลก 1 กระป๋องมีปริมาณ 355 มิลลิลิตร
ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพ ด้วยการบริโภคเครื่องดื่มน้ำตาลน้อยหรือปราศจากน้ำตาลกันมากขึ้น เช่นเดียวกับการผลักดันภาษีน้ำอัดลมในสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นในบางเมืองของรัฐแคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, โอเรกอน และอิลลินอยส์ ท่ามกลางแรงกดดันจากผู้ประกอบการน้ำอัดลมรายใหญ่ที่พยายามคัดค้านประเด็นดังกล่าว
- ผู้หญิงดื่มน้ำอัดลมวันละ 1 กระป๋อง เสี่ยงเป็นมะเร็งในช่องปากเพิ่มขึ้น 5 เท่า
- งานวิจัยชี้ดื่มน้ำอัดลม 1 ครั้ง ชีวิตสั้นลง 12 นาที
- "น้ำหวาน" เป็นสาเหตุให้คนเสียชีวิต 3.4 แสนรายต่อปี
- ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ เสี่ยงไตวาย-นิ่วในไต จริงแค่ไหน?
- ดีจริงหรือ? "เครื่องดื่มสูตรไดเอท" ไม่มีน้ำตาล ไม่มีแคลอรี
- "โค้ก" ประกาศขึ้นราคา 1 บาท หลังแบกรับต้นทุนเพิ่ม
- "ท้องเสีย" ดื่มน้ำอัดลมใส่เกลือ ช่วยอาการขาดน้ำได้จริงหรือ?
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand