
เคยเห็น “ภูเขาขยะ” ที่กองเต็มหลุมฝังกลบหรือริมแม่น้ำไหม? ภาพเหล่านั้นคือหลักฐานของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนมีส่วนร่วม และถ้าไม่เริ่มลงมือเปลี่ยนตอนนี้ โลกอาจต้องรับภาระหนักกว่าเดิม
และด้วยเหตุนี้เอง วันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น “วันรีไซเคิลนานาชาติ” (National Recycling Day) วันที่ชวนให้ทุกคนหันกลับมามองสิ่งรอบตัว และ “เริ่มเปลี่ยน” ด้วยการรีไซเคิลสิ่งของที่ใช้แล้ว ลดการสร้างขยะที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
จุดเริ่มต้นของวันรีไซเคิลนานาชาติ
วันรีไซเคิลเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) โดยองค์กรชื่อ National Recycling Coalition ในสหรัฐอเมริกา เพื่อรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจเรื่องการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
สรุปข่าว
เคยเห็น “ภูเขาขยะ” ที่กองเต็มหลุมฝังกลบหรือริมแม่น้ำไหม? ภาพเหล่านั้นคือหลักฐานของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนมีส่วนร่วม และถ้าไม่เริ่มลงมือเปลี่ยนตอนนี้ โลกอาจต้องรับภาระหนักกว่าเดิม
และด้วยเหตุนี้เอง วันที่ 15 พฤศจิกายนของทุกปี จึงถูกกำหนดให้เป็น “วันรีไซเคิลนานาชาติ” (National Recycling Day) วันที่ชวนให้ทุกคนหันกลับมามองสิ่งรอบตัว และ “เริ่มเปลี่ยน” ด้วยการรีไซเคิลสิ่งของที่ใช้แล้ว ลดการสร้างขยะที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
จุดเริ่มต้นของวันรีไซเคิลนานาชาติ
วันรีไซเคิลเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) โดยองค์กรชื่อ National Recycling Coalition ในสหรัฐอเมริกา เพื่อรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจเรื่องการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
ต่อมา วันรีไซเคิลได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง Keep America Beautiful ที่เข้ามาช่วยจัดกิจกรรมรณรงค์ทั่วประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552)
ทำไม “วันรีไซเคิล” ถึงสำคัญ?
เพราะทุกปี โลกของเราผลิตขยะมากกว่า 2,000 ล้านตัน และมากกว่าครึ่งของขยะทั้งหมด ไม่ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ แต่ถ้าเราช่วยกันรีไซเคิลของใช้ที่หมดอายุแล้ว ก็จะช่วยลดขยะ ลดมลพิษ และประหยัดทรัพยากรธรรมชาติได้มหาศาล
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (EPA) ระบุว่า อัตราการรีไซเคิลในอเมริกาเพิ่มจาก 7% ในปี 1960 เป็นมากกว่า 32% ในปัจจุบัน โดยการรีไซเคิลช่วยสร้างงานกว่า 750,000 ตำแหน่ง และสร้างรายได้มากกว่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เรียกได้ว่า “การรีไซเคิล” ไม่ได้แค่ช่วยโลก แต่ยังช่วยสร้างเศรษฐกิจและสังคมให้ดีขึ้นไปพร้อมกันอีกด้วย
ที่มาข้อมูล : www.daysoftheyear.com
ที่มารูปภาพ : Canva
