
สรุปข่าว

ทีมวิจัยการบริหารจัดการน้ำร่วมกันคาดการณ์น้ำเขื่อน น้ำท่า น้ำท่วง ค่าเกินเกณฑ์ ต้องเฝ้าระวังพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงเดือนกันยายนโดยเฉพาะสภาพใต้ฝุ่นที่จะมา เผยตัวเลขความเสียหาย น้ำท่วมนาข้าวเสียหายกว่า1.6 พันล้านบาท

รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานแผนงานวิจัยแผนงานการขับเคลื่อนแนวทางการใช้ประโยชน์ด้านการบริหารจัดการน้ำ ระยะที่ 1 "เปิดเผยว่า คณะวิจัยได้คาดการณ์น้ำเขื่อน น้ำท่า น้ำท่วม ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ โดยใช้ฝนคาดการณ์ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ร่วมกับงานน้ำเขื่อนโดยมหาวิทยาลัยมหิดล งานน้ำท่าของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และงานน้ำท่วมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันคาดการณ์ว่าวันที่ 8 ก.ย. 2567 ปริมาณน้ำที่จ.นครสวรรค์จะเพิ่มขึ้นถึง 2,180 ลบ.ม./วินาที จึงต้องเฝ้าระวัง (เนื่องจากจะเกิดผลกระทบต่อพื้นที่ริมแม่น้ำ และค่าเกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที"

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หริอ (GISTDA) เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2567 พบว่าพื้นที่น้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีขนาด 407,311 ไร่ ครอบคลุมจ.เชียงราย พะเยา ลำพูน แพร่ สุโขทัย น่าน และลำปาง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำสายหลักและสายรอง รวมถึงพื้นที่อยู่อาศัยบางส่วน คาดว่าพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในปีนี้อาจจะแผ่ขยายออกไปอีกในช่วงต้นเดือน ก.ย. ในบริเวณเส้นทางน้ำหลากไหลผ่าน รวมถึงพื้นที่ตามแนวเส้นทางผันน้ำทางตอนกลางของประเทศสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบางส่วน

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำของเขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย
- เขื่อนภูมิพล มีเปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำเก็บกัก 47% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 7,104 ล้านลบ.ม.)
- เขื่อนสิริกิติ์ มีเปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำเก็บกัก 78% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 2,110 ล้านลบ.ม.)
- เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีเปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำเก็บกัก 46% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 503 ล้านลบ.ม.)
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีเปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำเก็บกัก 28% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 688 ล้านลบ.ม.)
- เขื่อนกิ่วคอหมา มีเปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำเก็บกัก 89% (ปริมาตรเก็บกักที่รับได้ 18 ล้านลบ.ม.)

“ข้อมูลผลกระทบจากน้ำท่วม ณ วันที่ 4 ก.ย. 2567 ทั้งประเทศไทย พบว่ามีพื้นที่น้ำท่วมรวมทั้งสิ้น 749,511 ไร่ ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ปลูกข้าว 355,255 ไร่ คิดเป็นมูลค่า 1,608 ล้านบาท โดย 4 จังหวัดทางภาคเหนือได้รับผลกระทบมากที่สุด รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
ส่วนจังหวัดที่มีข้าวเสียหายมากที่สุดคือ อุตรดิตถ์ มูลค่าความเสียหาย 323.7 ล้านบาท รองลงมาคือ พิจิตร และนครพนม มูลค่าความเสียหาย 266.3 ล้านบาท และ 243.1 ล้านบาทตามลำดับ
มีพื้นที่ถนนได้รับผลกระทบรวมระยะทาง 508.9 กม. และในขณะที่ผลกระทบด้านสังคมทำให้มีผู้ประสบภัย 123,603 คน” รศ. ดร.สุจริตกล่าวสรุป

- ชลประทานเตือน 11 จังหวัดภาคกลาง เฝ้าระวังน้ำเหนือถึงวันที่ 2 มิ.ย.
- น้ำเหนือหลากลงสู่ลุ่มเจ้าพระยา กรมชลฯ แจ้งเตือน 11 จังหวัดเฝ้าระวังด่วน
- "เขื่อนเจ้าพระยา" เพิ่มการระบายน้ำ เตรียมพร้อมรับมวลน้ำเหนือ
- 9 จุดเช็คอิน! ชวนเที่ยว "เขื่อน-อ่างเก็บน้ำ" ทั่วไทย สัมผัสป่าเขียวชื่นชมธรรมชาติ
- เตือน 11 จังหวัด ลุ่มเจ้าพระยารับมือน้ำเหนือ
- ปภ. ส่ง Cell Broadcast และ SMS เตือน "แม่น้ำพอง" ใกล้ล้นตลิ่ง ให้ยกของขึ้นที่สูง
- ฝนตกชุกน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น กรมชลฯ ทยอยปรับการระบายลดผลกระทบ
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand