
สรุปข่าว
นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กรับเคสผู้ป่วยอายุ 29 ปี เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2567 มาด้วยอาการไข้สูง 40.5 องศาเซลเซียส ปวดหัว ปวดตัว อ่อนเพลีย ไอมาก ไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่มีโรคประจำตัว เคยป่วยเป็นโรคโควิด 2 ครั้ง และไข้หวัดใหญ่ 1 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว ตรวจระดับออกซิเจน ร้อยละ 98 ฟังปอดปกติ เอกซเรย์ปอดมีฝ้าขาวที่ปอดข้างขวาด้านล่าง แยงจมูกส่งตรวจ PCR รหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์พบเชื้อแบคทีเรีย Mycoplasma pneumoniae เจาะเลือดเม็ดเลือดขาวปกติ


วินิจฉัย : เป็นปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ไมโคพลาสมา Mycoplasma pneumoniae จึงรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน azithromycin และ moxifloxacin ผู้ป่วยดีขึ้นช้า ๆ ซึ่งผู้ป่วยรายนี้อายุยังน้อย ปกติแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว แต่เมื่อติดเชื้อ Mycoplasma ครั้งนี้นอนรักษาในโรงพยาบาล 9 วัน อาการหนักกว่าตอนป่วยเป็นโรคโควิดและไข้หวัดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว
เชื้อไมโคพลาสมาเป็นแบคทีเรียขนาดเล็ก มีอยู่ในธรรมชาติ สามารถติดต่อจากคนสู่คน เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนและล่าง พบได้ในเด็กโตและผู้ใหญ่ บางคนทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบอย่างผู้ป่วยรายนี้ โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รักษาหายด้วยยาปฏิชีวนะ
โรคติดเชื้อไมโคพลาสมา เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 1-4 สัปดาห์ มีอาการเบื้องต้นดังต่อไปนี้

- ไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส ไอแห้งอาจมีเสมหะขาว อาจไอเรื้อรังจนทำให้เจ็บกล้ามเนื้อหน้าอก มีอาการเจ็บคอ คันคอ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย
- เจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้าหรือออก (พบได้น้อย) ถ้าอาการรุนแรงขึ้นจะทำให้หายใจเหนื่อย หายใจเร็ว
- มีอาการติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์ ผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการรุนแรง อาจหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หากมีอาการนานและมีอาการหนักอาจมีภาวะแทรกซ้อน เกิดการติดเชื้อนอกระบบทางเดินหายใจ เช่น ติดเชื้อไมโคพลาสมาที่สมองและไขสันหลัง หรืออาจเป็นโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบได้
อาการบ่งชี้สำคัญที่ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ ได้แก่
1. ไข้สูง
2. อาการไอแห้ง ๆ บ่อยครั้งและเป็นระยะเวลานาน หรือไอเป็นเลือด
3. อาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจเร็ว
4. อาการเจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้าหรือออก

5. อาการแน่นหน้าอกด้านซ้าย หรือรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ
6. แขนหรือขาอ่อนแรง หรือชักเกร็ง / ซึมลง / อาการซีด / ปัสสาวะสีเข้ม หรือมีจุดเลือดออกตามร่างกาย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อไมโคพลาสมาได้
7. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน อาจเกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ง่ายกว่าปกติ

โรคไมโคพลาสมายังไม่มีวัคซีนป้องกัน สิ่งที่ง่ายและดีที่สุดคือการป้องกัน ด้วยการไม่เข้าไปอยู่ในที่ชุมชนระบบปิด หรือพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย และควรล้างมือบ่อยๆและใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
ข้อมูล : เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC , ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค กระทรวงสาธารณสุข
ภาพ : เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC , ทีมกราฟิก TNN
- รพ.วิมุต ฉลองครบรอบ 4 ปี ลุยเปิดศูนย์สุขภาพปอดวิมุต หลังโรคระบบทางเดินหายใจพุ่งต่อเนื่อง
- หมอมนูญ ยกเคส "ผู้ป่วยอายุ 92 ปี" ติดโควิด-19 มีโรคประจำตัวหลายโรค
- ปอดอักเสบ หรือ ปอดปวม ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ต้องระวังติดเชื้อรุนแรงอันตรายถึงชีวิต
- ยกเคสผู้ป่วยไม่เคยสูบบุหรี่ ตรวจพบเป็นมะเร็งปอดกระจายเข้ากระดูกสันหลัง
- ไทยป่วยโรคปอดแนวโน้มพุ่งสูงในปี 68 - ญี่ปุ่นน่าห่วงติดไข้หวัดใหญ่ 9.5 ล้าน
- "ไข้หวัดใหญ่" ฉีดวัคซีน ลดความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
- วัณโรค กินยาไม่ครบ อาจดื้อยา เสี่ยงเป็นซ้ำ ?
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand