ดีอี ระงับ “บัญชีม้า” ตัดเส้นทางการเงินกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 1.6 ล้านบัญชี

 ดีอี ระงับ “บัญชีม้า” ตัดเส้นทางการเงินกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 1.6 ล้านบัญชี

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากมาตรการการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกัน ตรวจสอบ และปราบปรามบัญชีม้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักการหลอกลวงรับเงินของมิจฉาชีพนั้น

กระทรวงดีอี ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการระงับบัญชีม้า ตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีสถิติการระงับบัญชีม้าจนถึง ธ.ค.67 จำนวนรวมกว่า 1.66 ล้านบัญชี (ปปง. 630,537 บัญชี ธนาคารระงับ 581,637 บัญชี และศูนย์ AOC ระงับ 455,241 บัญชี)

พร้อมกับการขยายผลดำเนินการจับกุมเจ้าของบัญชีม้าอย่างเข้มข้น โดยมีสถิติผลการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 พบว่า ในปี 2567 ตั้งแต่เดือนม.ค.-ธ.ค. มีการจับกุมบัญชีม้ารวม 2,495 ราย และเฉพาะในเดือนธ.ค.67 มีผลการจับกุม 328 ราย


สรุปข่าว

ดีอี ระงับ บัญชีม้า ตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วกว่า 1.6 ล้านบัญชี เตือนประชาชนระวังตกเป็นเหยื่อ ผู้เกี่ยวข้องมีโทษหนักจำคุกถึง 3 ปี

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า จากมาตรการการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกัน ตรวจสอบ และปราบปรามบัญชีม้า ซึ่งเป็นช่องทางหลักการหลอกลวงรับเงินของมิจฉาชีพนั้น

กระทรวงดีอี ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สมาคมธนาคารไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการระงับบัญชีม้า ตัดเส้นทางการเงินของกลุ่มมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีสถิติการระงับบัญชีม้าจนถึง ธ.ค.67 จำนวนรวมกว่า 1.66 ล้านบัญชี (ปปง. 630,537 บัญชี ธนาคารระงับ 581,637 บัญชี และศูนย์ AOC ระงับ 455,241 บัญชี)

พร้อมกับการขยายผลดำเนินการจับกุมเจ้าของบัญชีม้าอย่างเข้มข้น โดยมีสถิติผลการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 พบว่า ในปี 2567 ตั้งแต่เดือนม.ค.-ธ.ค. มีการจับกุมบัญชีม้ารวม 2,495 ราย และเฉพาะในเดือนธ.ค.67 มีผลการจับกุม 328 ราย


ปัจจุบัน ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินงานการตามนโยบายปราบปรามภัยออนไลน์ของรัฐบาล เพื่อลดปัญหา พยายามหยุดการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายจากบัญชีม้า โดยตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ได้กำหนดโทษของการยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ หรือที่เรียกว่า "บัญชีม้า" จะถูกดำเนินคดี ตามมาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังอาจถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดที่มิจฉาชีพนำบัญชีนั้นไปใช้ ในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด และอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้เสียหาย

นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมฯ ยังได้พิจารณายกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกเป็นหนังสือเวียน แจ้งต่อสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ทุกแห่ง ให้ถือเป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน เรื่อง การเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ในกรณีลูกค้ามีความเสี่ยงสูง หรือใช้บัญชีที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมผิดปกติ เพื่อเป็นการจัดกลุ่มบัญชีม้า โดยยกระดับการจัดการบัญชี เป็นระดับบุคคล (ระงับช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทุกบัญชีทุกธนาคาร ถ้ามีชื่อว่าเป็นผู้ขายบัญชีให้คนร้าย หรือบัญชีม้า) และดำเนินการเข้มข้นขึ้น ทั้งบัญชีในปัจจุบัน และการเปิดบัญชีใหม่


"ปัจจุบัน กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการป้องกันและปราบปรามบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชีธนาคารใหม่ในธนาคารทุกสาขา ซึ่งหากพบความผิดปกติ จะดำเนินการตรวจสอบทันที ดังนั้นขอเตือนประชาชนว่า การขายบัญชีธนาคารไม่ว่าจะในรูปแบบใด มีโทษหนักจำคุกถึง 3 ปี หากหลงเชื่อขายบัญชีธนาคารให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว ให้รีบติดต่อกับธนาคารเพื่อขอปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อไม่ให้มีรายชื่ออยู่ในลิสต์ว่าขายบัญชี และถูกระงับทุกบัญชีธนาคารของทุกธนาคารที่มี รวมทั้งไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามฐานความผิดที่มิจฉาชีพนำบัญชีไปใช้ ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด" รมว.ดีอี ระบุ

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ