
(21 ก.พ. 2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางไปยังประเทศกัมพูชาอย่างเร่งด่วน เพื่อประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา วางแผนปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามนโยบายรัฐบาล
การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการเข้มงวดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งสั่งตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมันที่ส่งไปยังเมือง เมียวดี ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์แตกกระจาย ทำให้สามารถจับกุมคนร้ายและช่วยเหลือเหยื่อหลายเชื้อชาติได้สำเร็จ โดยได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ รวมถึง รัฐบาลจีน
3 มาตรการร่วมปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับตำรวจกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุป 3 แนวทางหลักในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่
กวาดล้างและจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ – ปฏิบัติการตรวจค้นและกวาดล้างตามจุดต้องสงสัย ตำรวจไทยจะนำตัวผู้ต้องหาชาวไทยกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ – ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงและบังคับให้ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กลับคืนสู่ครอบครัวโดยเร็วที่สุด
ตั้งศูนย์ประสานงานไทย-กัมพูชา – เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของหน่วยงานทั้งสองประเทศ เพื่อปราบปรามเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สรุปข่าว
(21 ก.พ. 2568) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เดินทางไปยังประเทศกัมพูชาอย่างเร่งด่วน เพื่อประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา วางแผนปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามนโยบายรัฐบาล
การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการเข้มงวดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งสั่งตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมันที่ส่งไปยังเมือง เมียวดี ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์แตกกระจาย ทำให้สามารถจับกุมคนร้ายและช่วยเหลือเหยื่อหลายเชื้อชาติได้สำเร็จ โดยได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ รวมถึง รัฐบาลจีน
3 มาตรการร่วมปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับตำรวจกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุป 3 แนวทางหลักในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่
กวาดล้างและจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ – ปฏิบัติการตรวจค้นและกวาดล้างตามจุดต้องสงสัย ตำรวจไทยจะนำตัวผู้ต้องหาชาวไทยกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ – ดำเนินการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกลวงและบังคับให้ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กลับคืนสู่ครอบครัวโดยเร็วที่สุด
ตั้งศูนย์ประสานงานไทย-กัมพูชา – เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันของหน่วยงานทั้งสองประเทศ เพื่อปราบปรามเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ตำรวจกัมพูชาเร่งปราบปราม แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีไทย-กัมพูชา
พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ตำรวจกัมพูชาจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยพบว่าเครือข่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่มี ชาวจีนเป็นผู้ควบคุม และมีคนไทยบางส่วนเกี่ยวข้อง การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งในปีนี้ครบรอบ 75 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างทั้งสองประเทศ
- ชนะคดี!! ศาลตัดสินจำคุกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก "ชาล็อต ออสติน" เสียหายกว่า 4 ล้านบาท
- เตือน! มุกใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกมีคนอ้างว่าเรามอบอำนาจให้ไปเปิดบัญชี
- เตือนภัย! ร่างใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจ แจ้งเปิดบัญชีม้าขาย
- แบงก์ชาติยกระดับปรับปรุงเกณฑ์เปิดบัญชีใหม่ "สกัดบัญชีม้า"
- เตือนภัย! กลโกง "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" หลอกคุยโทรศัพท์ 7 วัน 7 คืน สูญเงินกว่า 8 ล้าน
- แพร่กระจายเหมือนมะเร็ง “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ลุกลาม ขยายตัวไปแอฟริกา เอเชียใต้ และอเมริกาใต้
- รวบชาวจีน 10 รายลอบเข้าไทย ค้นเจอมือถือนับ 100 เครื่อง คาดโยงแก๊งคอล
ที่มาข้อมูล : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่มารูปภาพ : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
TNNThailand