
พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องด้านคดี ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีกรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์(สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สืบเนื่องจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง และได้ยื่นร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีอาญากับ เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน บริษัทชิปปิ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยได้เปิดสำรวจและพบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็งจำนวน 161 ตู้ มีมูลค่าของรวมภาษีอากร รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 460 ล้านบาท ในความผิดฐานนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนสอบสวนจำนวน 9 เลขคดีพิเศษ เพื่อทำการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 3 กลุ่ม
ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ณ ด่านศุลกากรแหลมฉบัง กลุ่มสินค้านำออกสู่ท้องตลาดแล้ว และกลุ่มขบวนการสวมสิทธิถิ่นกำเนิด

โดยพันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการรับคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าและส่งออกซึ่งซากสัตว์ รับไว้ทำการสอบสวนทั้งหมดจำนวน 12 คดี ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 11 คดี ส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. แล้ว ยังคงเหลืออีก 1 เรื่อง ที่อยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือทางอาญากับอีก 7 ประเทศ ประกอบด้วย เนเธอร์แลนด์ อิตาลี บราซิล เยอรมัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะนี้ ผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ มีจำนวนทั้งสิ้น 30 รายมีทั้งนายทุนไทยและชาวจีนและข้าราชการฝ่ายการเมือง ซึ่งการออกหมายจับนั้น มีการระบุรายชื่อผู้ต้องหาชัดเจน แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อของข้าราชการที่เกี่ยวข้องได้
ทั้งนี้ ในสำนวนที่ค้าง 1 เรื่อง ต้องมีการหาหลักฐานจากประเทศต้นทางทั้ง 7 ประเทศให้ได้ว่า ส่งออกซากสัตว์ชนิดใดมากันแน่ เส้นทางกรมทศคติพิเศษจะมีการปรึกษากับทาง ปปช. ว่าจะให้รวบรวมส่งหลักฐานให้ทันทีหรือไม่ หรือให้รวบรวมหลักฐานครบทุกประเทศแล้วส่งให้ในครั้งเดียว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควรในบางประเทศ
สรุปข่าว
พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องด้านคดี ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีกรณี ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์(สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สืบเนื่องจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง และได้ยื่นร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีอาญากับ เจ้าหน้าที่รัฐ นายทุน บริษัทชิปปิ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยได้เปิดสำรวจและพบสินค้าประเภทสุกรแช่แข็งจำนวน 161 ตู้ มีมูลค่าของรวมภาษีอากร รวมเป็นจำนวนเงินกว่า 460 ล้านบาท ในความผิดฐานนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนสอบสวนจำนวน 9 เลขคดีพิเศษ เพื่อทำการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 3 กลุ่ม
ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ณ ด่านศุลกากรแหลมฉบัง กลุ่มสินค้านำออกสู่ท้องตลาดแล้ว และกลุ่มขบวนการสวมสิทธิถิ่นกำเนิด

โดยพันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการรับคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าและส่งออกซึ่งซากสัตว์ รับไว้ทำการสอบสวนทั้งหมดจำนวน 12 คดี ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 11 คดี ส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. แล้ว ยังคงเหลืออีก 1 เรื่อง ที่อยู่ระหว่างการประสานความร่วมมือทางอาญากับอีก 7 ประเทศ ประกอบด้วย เนเธอร์แลนด์ อิตาลี บราซิล เยอรมัน ฮ่องกง และสิงคโปร์ เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะนี้ ผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีนำเข้าซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ มีจำนวนทั้งสิ้น 30 รายมีทั้งนายทุนไทยและชาวจีนและข้าราชการฝ่ายการเมือง ซึ่งการออกหมายจับนั้น มีการระบุรายชื่อผู้ต้องหาชัดเจน แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อของข้าราชการที่เกี่ยวข้องได้
ทั้งนี้ ในสำนวนที่ค้าง 1 เรื่อง ต้องมีการหาหลักฐานจากประเทศต้นทางทั้ง 7 ประเทศให้ได้ว่า ส่งออกซากสัตว์ชนิดใดมากันแน่ เส้นทางกรมทศคติพิเศษจะมีการปรึกษากับทาง ปปช. ว่าจะให้รวบรวมส่งหลักฐานให้ทันทีหรือไม่ หรือให้รวบรวมหลักฐานครบทุกประเทศแล้วส่งให้ในครั้งเดียว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควรในบางประเทศ
- บุกค้นบ้านแก๊งทวงหนี้นอกระบบ พื้นที่เชียงใหม่ พบลูกหนี้ 100 ราย
- รวบบริษัท "ศูนย์เหรียญ" ลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ 118 ตัน
- ดีเอสไอ ตรวจยึดสินค้าเถื่อน 20,000 ชิ้น ย่านราชเทวี
- ครม. มีมติให้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รักษาราชการแทนดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ
- จับกุมชาวออสฯ ส่งออกยาไอซ์ 22 กก. มูลค่า 6.6 ล้านบาท
- เริ่มวันแรก สอบสวนคดีฮั๊วประมูลก่อสร้าง ตึก สตง.
- ยึดสินค้าปลอม 100,000 ชิ้น เสียหายกว่า 20 ล้าน
ที่มาข้อมูล : กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
ที่มารูปภาพ : กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
