
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดเทอมซึ่งตรงกับต้นฤดูฝน ผู้ปกครองควรเตรียมความพร้อมทั้งด้านการเรียนและการดูแลสุขภาพของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอากาศที่เย็นลงและความชื้นที่เพิ่มขึ้น เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคระบาดในเด็กเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคติดต่อผ่านการสัมผัส และโรคที่มียุงเป็นพาหะ
สรุปข่าว
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดเทอมซึ่งตรงกับต้นฤดูฝน ผู้ปกครองควรเตรียมความพร้อมทั้งด้านการเรียนและการดูแลสุขภาพของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอากาศที่เย็นลงและความชื้นที่เพิ่มขึ้น เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อโรคระบาดในเด็กเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคติดต่อผ่านการสัมผัส และโรคที่มียุงเป็นพาหะ
โรคที่มักพบบ่อยในช่วงนี้ ได้แก่
- โรคมือ เท้า ปาก ที่พบในเด็กเล็ก เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อผ่านการสัมผัส มีไข้สูง แผลในปาก และผื่นที่มือเท้า หากเป็นสายพันธุ์รุนแรงอาจมีภาวะแทรกซ้อนทางสมองและหัวใจ
- โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยตัว ไอ อาเจียน หากปล่อยไว้อาจลุกลามถึงขั้นปอดบวมหรือสมองอักเสบ
- โรคปอดบวม มีอาการไอ เสมหะมาก หายใจลำบาก ริมฝีปากเขียวคล้ำ เป็นสัญญาณอันตรายที่ควรรีบพบแพทย์
- โรคตาแดงจากไวรัส แพร่กระจายง่าย เด็กจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล และมีขี้ตา
- โรคไข้เลือดออก จากยุงลาย ผู้ป่วยมักมีไข้สูง ปวดเมื่อย และอาจเกิดภาวะช็อกในช่วงที่ไข้ลดลง
รัฐบาลแนะนำให้ผู้ปกครองเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็ก ด้วยการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 8-10 ชั่วโมง และควรพาเด็กไปฉีดวัคซีนที่จำเป็น เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก และไข้เลือดออก พร้อมทั้งเน้นย้ำเรื่องสุขอนามัย เช่น การล้างมือบ่อย ๆ ใช้ช้อนกลาง และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชน
“หากพบว่าบุตรหลานมีอาการผิดปกติ ขอให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันการลุกลามและดูแลให้เด็ก ๆ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดช่วงเปิดเทอมนี้” นายคารม กล่าว
ที่มาข้อมูล : ทำเนียบรัฐบาล
ที่มารูปภาพ : AFP