ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ จับมือ แพลตฟอร์ม เคาะ 5 มาตรการปราบ “เฟคนิวส์”

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ จับมือ แพลตฟอร์ม เคาะ 5 มาตรการปราบ “เฟคนิวส์”

7 สิงหาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อป้องกันข่าวปลอม ครั้งที่ 1/2568 โดยกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม หรือ “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งชาติ” ขึ้น โดยได้มีการประชุมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่ถูกสร้างขึ้นและถูกส่งต่อกันทางสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต ที่มีการเผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสม บิดเบือนข้อมูลข่าวสารไปจากข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดการปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของประเทศ 

สรุปข่าว

“ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งชาติ” จับมือ แพลตฟอร์ม เคาะ 5 มาตรการปราบ “เฟคนิวส์” โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่ถูกสร้างขึ้นและถูกส่งต่อกันทางสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต ที่มีการเผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสม บิดเบือนข้อมูลข่าวสารไปจากข้อเท็จจริง ปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง

7 สิงหาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อป้องกันข่าวปลอม ครั้งที่ 1/2568 โดยกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม หรือ “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมแห่งชาติ” ขึ้น โดยได้มีการประชุมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่ถูกสร้างขึ้นและถูกส่งต่อกันทางสื่อสังคมออนไลน์และระบบอินเทอร์เน็ต ที่มีการเผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสม บิดเบือนข้อมูลข่าวสารไปจากข้อเท็จจริง ก่อให้เกิดการปลุกระดม ยั่วยุ สร้างความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของประเทศ 

กำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาร่วมกัน 5 มาตรการสำคัญ

ที่ประชุมได้ร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือในการปราบปรามข่าวปลอม และ บัญชีผู้ใช้งานต้องสงสัย (Account IO) โดยมีการกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาร่วมกัน 5 มาตรการสำคัญดังนี้

1.การจัดลำดับความสำคัญกับข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงชายแดนให้เป็นอันดับความสำคัญสูงสุด (Priority) ในการสนับสนุนการจัดการข่าวปลอม 

2. การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ตรวจจับรวบรวมข่าวปลอมที่มีการยืนยันแล้วและดำเนินการปิดกั้น (Take Down) ข่าวปลอมในทุกช่องทางแพลตฟอร์ม 

3. การเพิ่มปริมาณเจ้าหน้าที่สนับสนุนเพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรการการจัดการข่าวปลอม และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์จะมีการพัฒนา AI ในการตรวจจับบัญชีผู้ใช้งาน ที่ระบุว่าเป็นบัญชีผู้ใช้ที่เป็นบุคคลสาธารณะปลอม (Fake Account)

4. กระบวนการดำเนินการด้าน “ปฏิบัติการข่าวสาร (IO)” บริหารจัดการข่าวในด้านจิตวิทยา หากมีการตรวจพบ จะดำเนินการส่งให้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA เพื่อแจ้งแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ดำเนินการระงับเผยแพร่ 

5. การยกระดับการยืนยันตัวตนของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ (Account Verification) โดยผู้ที่จะลงโฆษณาต้องเป็นบริษัทฯ ซึ่งมีการยืนยันตัวตน ที่ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว และจะยกระดับการดำเนินการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ กระทรวงดีอี เป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องข่าวปลอมจากทุกหน่วยงานรวมถึงประชาชน และนำส่งกรมประชาสัมพันธ์ ประสานงานหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวปลอม ภายในระยะเวลา 3 ชั่วโมง ภายหลังจากการตรวจสอบแล้ว กรมประชาสัมพันธ์จะเป็นหน่วยงานหลักในการเผยแพร่กระจายข้อมูล ประสานงานสื่อมวลชน และกระทรวงดีอี จะรับผลการดำเนินการดังกล่าว เพื่อแจ้งแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้ดำเนินการปิดกั้นต่อไป


พบเห็นลิงก์หรือข้อมูลซึ่งสงสัยว่าเป็นข่าวปลอม สามารถแจ้งเบาะแส

สำหรับประชาชนที่พบเห็นลิงก์หรือข้อมูลซึ่งสงสัยว่าเป็นข่าวปลอม สามารถแจ้งเบาะแสโดยตรง ได้ที่เว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti Fake News Center: AFNC) : www.antifakenewscenter.com ซึ่งผู้ใช้งานต้องกรอกข้อมูล URLs ของข่าวที่พบ พร้อมแนบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และอธิบายพฤติการณ์หรือเนื้อหาที่เชื่อว่าเป็นข่าวปลอม เพื่อนำข้อมูลเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ที่กระจายข่าวปลอม ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือรายละเอียดกระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามข่าวปลอมเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม 

ด้านการดำเนินการปิด IP Address ได้มอบหมายให้ สำนักงาน กสทช. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ให้บริการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำ IO และดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสม

“คณะกรรมการฯ มุ่งเน้นการบูรณาการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามข่าวปลอมบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ตามสถานการณ์ปัญหาความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่มีการตรวจสอบยืนยันจากหน่วยงานภาครัฐได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว และเป็นการแก้ไขปัญหาข่าวปลอมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” นายประเสริฐ กล่าว

ที่มาข้อมูล : รัฐบาลไทย

ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย