เทศกาลดิวาลี (Diwali) แสงแห่งศรัทธาและความหลากหลายในย่านพาหุรัด

เทศกาลดิวาลี (Diwali) แสงแห่งศรัทธาและความหลากหลายในย่านพาหุรัด

เริ่มแล้วกับ เทศกาลดิวาลี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดีปาวลี (Deepavali) มีความหมายว่า "แถวของตะเกียง" ถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวฮินดูทั่วโลก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "เทศกาลแห่งแสงสว่าง" โดยมีความเชื่อว่าเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด ความรู้เหนือความเขลา และความดีเหนือความชั่วร้าย ช่วงเทศกาลนี้ ชาวฮินดูจะร่วมกันบูชา พระแม่ลักษมี เทพแห่งความมั่งคั่ง โชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ความสุข และความศรัทธาที่อบอวลด้วยแสงแห่งตะเกียงและเสียงแห่งดนตรี

ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่าน พาหุรัด ซึ่งเปรียบเสมือน "ลิตเติ้ลอินเดีย" (Little India) ของกรุงเทพมหานคร เทศกาลดิวาลีได้รับการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมักจัดร่วมกับพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง คลองโอ่งอ่าง การจัดงานในย่านนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของพหุวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ถ่ายทอดมิตรภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและอินเดียได้อย่างงดงาม


การรวมตัวของชุมชนและเสาหลักแห่งศรัทธา:


ย่านพาหุรัดเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียที่เข้มแข็ง ซึ่งสืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีมาอย่างยาวนาน เมื่อถึงช่วงเทศกาลดิวาลี ชาวชุมชนจะพร้อมใจกันออกมาเฉลิมฉลองอย่างรื่นเริง ถนนทั้งสายจะสว่างไสวด้วยแสงโคมไฟและสีสันสดใส  ถือเป็นการแสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ชัดเจนและเป็นเสาหลักแห่งศรัทธาที่ช่วยเชื่อมโยงผู้คนต่างวัฒนธรรมให้หลอมรวมกันด้วยแสงแห่งความเชื่อและมิตรภาพ

ความศรัทธาอันมั่นคงของชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียมีศูนย์กลางสำคัญอยู่ไม่ไกลจากย่านพาหุรัด นั่นคือ วัดเทพมณเฑียร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประดิษฐานองค์เทพสำคัญ ได้แก่ พระวิษณุ (พระนารายณ์) และ พระแม่ลักษมี อันเป็นเทพคู่แห่งความสมดุลและความอุดมสมบูรณ์ตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู พระวิษณุคือมหาเทพผู้ดูแลรักษาโลกและปกป้องคุ้มครองชีวิตให้รอดพ้นจากอุปสรรค ขณะที่พระแม่ลักษมีเป็นมหาเทวีผู้ประทานความสมบูรณ์ ทรัพย์สมบัติ และความร่มเย็นเป็นสุข การบูชาองค์เทพทั้งสองถือเป็นการขอพรในด้านความมั่นคง ความสำเร็จ และความมั่งคั่ง ซึ่งสอดคล้องกับแก่นของเทศกาลดิวาลีที่เน้นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ด้วยความเจริญรุ่งเรือง



สรุปข่าว

เริ่มแล้วกับ เทศกาลดิวาลี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดีปาวลี (Deepavali) มีความหมายว่า "แถวของตะเกียง" ถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวฮินดูทั่วโลก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "เทศกาลแห่งแสงสว่าง" โดยมีความเชื่อว่าเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด ความรู้เหนือความเขลา และความดีเหนือความชั่วร้าย ช่วงเทศกาลนี้ ชาวฮินดูจะร่วมกันบูชา พระแม่ลักษมี เทพแห่งความมั่งคั่ง โชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ และความเจริญรุ่งเรือง เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ความสุข และความศรัทธาที่อบอวลด้วยแสงแห่งตะเกียงและเสียงแห่งดนตรี

ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่าน พาหุรัด ซึ่งเปรียบเสมือน "ลิตเติ้ลอินเดีย" (Little India) ของกรุงเทพมหานคร เทศกาลดิวาลีได้รับการจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมักจัดร่วมกับพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง คลองโอ่งอ่าง การจัดงานในย่านนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของพหุวัฒนธรรมที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ถ่ายทอดมิตรภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและอินเดียได้อย่างงดงาม


การรวมตัวของชุมชนและเสาหลักแห่งศรัทธา:


ย่านพาหุรัดเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียที่เข้มแข็ง ซึ่งสืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีมาอย่างยาวนาน เมื่อถึงช่วงเทศกาลดิวาลี ชาวชุมชนจะพร้อมใจกันออกมาเฉลิมฉลองอย่างรื่นเริง ถนนทั้งสายจะสว่างไสวด้วยแสงโคมไฟและสีสันสดใส  ถือเป็นการแสดงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ชัดเจนและเป็นเสาหลักแห่งศรัทธาที่ช่วยเชื่อมโยงผู้คนต่างวัฒนธรรมให้หลอมรวมกันด้วยแสงแห่งความเชื่อและมิตรภาพ

ความศรัทธาอันมั่นคงของชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียมีศูนย์กลางสำคัญอยู่ไม่ไกลจากย่านพาหุรัด นั่นคือ วัดเทพมณเฑียร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประดิษฐานองค์เทพสำคัญ ได้แก่ พระวิษณุ (พระนารายณ์) และ พระแม่ลักษมี อันเป็นเทพคู่แห่งความสมดุลและความอุดมสมบูรณ์ตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู พระวิษณุคือมหาเทพผู้ดูแลรักษาโลกและปกป้องคุ้มครองชีวิตให้รอดพ้นจากอุปสรรค ขณะที่พระแม่ลักษมีเป็นมหาเทวีผู้ประทานความสมบูรณ์ ทรัพย์สมบัติ และความร่มเย็นเป็นสุข การบูชาองค์เทพทั้งสองถือเป็นการขอพรในด้านความมั่นคง ความสำเร็จ และความมั่งคั่ง ซึ่งสอดคล้องกับแก่นของเทศกาลดิวาลีที่เน้นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ด้วยความเจริญรุ่งเรือง



การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและร่องรอยแห่งอารยธรรมพราหมณ์:


เทศกาลดิวาลีในย่านพาหุรัดถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและอินเดีย ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายซึ่งสะท้อนถึงความศรัทธาและความงดงามของอารยธรรมพราหมณ์–ฮินดู  ไม่ว่าจะเป็น


พิธีกรรม: มีการจัดขบวนแห่และการบูชาองค์เทพสำคัญ เช่น พระแม่ลักษมี และ พระพิฆเนศ เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ในพื้นที่ใกล้เคียงยังมี "เทวาลัยพระวิษณุ" ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ "เทวสถานสำหรับพระนคร โบสถ์พราหมณ์” ตรงเสาชิงช้า" ซึ่งเป็นเทวสถานหลักสำหรับประกอบพระราชพิธีตามคติพราหมณ์-ฮินดูของประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ ตามความเชื่อ พระวิษณุทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองโลก ผู้คนจึงนิยมมาขอพรให้ชีวิตราบรื่น รอดพ้นจากอุปสรรค และประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา ความศรัทธาอันมั่นคงนี้ยังคงดำรงอยู่ท่ามกลางศูนย์กลางพระนคร สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานทางศาสนาและวัฒนธรรมที่หลอมรวมอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน

การประดับไฟ: เนรมิตย่านให้สว่างไสวด้วยแสงไฟอันวิจิตรตระการตา เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลแห่งแสงสว่าง แสงสว่างนี้ไม่เพียงแต่ฉลองชัยชนะทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังส่องนำทางสู่ความรุ่งเรือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณเสาชิงช้า ที่เคยเป็นศูนย์กลางของพระราชพิธีตรียัมปวาย ตรีปวาย (พิธีโล้ชิงช้า) ซึ่งเป็นพิธีพราหมณ์เพื่อต้อนรับการเสด็จเยือนโลกมนุษย์ของพระอิศวร การคงอยู่ของเสาชิงช้าและเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ก็เป็นเสาหลักทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นว่า ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและรากฐานของเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ก่อนที่ชุมชนชาวอินเดียจะรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งในย่านพาหุรัด

การแสดงเชิงวัฒนธรรม: การแสดงดนตรีและนาฏศิลป์สไตล์อินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงสไตล์บอลลีวูดที่ตื่นตาตื่นใจ ซึ่งดึงดูดทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว

ตลาดและอาหาร: มีการออกร้านจำหน่ายอาหารอินเดียรสชาติต้นตำรับ ขนมหวาน และสินค้าสไตล์อินเดีย เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องเทศ ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสแก่นแท้ของวิถีชีวิตชาวอินเดียอย่างใกล้ชิด

สะท้อนความหลากหลายของกรุงเทพฯ

การที่เทศกาลดิวาลีได้รับการสนับสนุนและจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในย่านพาหุรัด สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งของกรุงเทพมหานครในฐานะ เมืองพหุวัฒนธรรม ที่ยอมรับและส่งเสริมความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม การเชื่อมโยงความศรัทธาในย่านพาหุรัดเข้ากับศูนย์กลางทางศาสนาและพิธีกรรมอย่าง วัดเทพมณเฑียร และ เทวสถานตรงเสาชิงช้า ยิ่งแสดงให้เห็นว่า สายธารแห่งวัฒนธรรมฮินดูได้ไหลเวียนอยู่ในโครงสร้างของสังคมไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายอินเดียและชุมชนอื่นๆ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนไร้รอยต่อ

เทศกาลดิวาลีในย่านพาหุรัดจึงไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองของชาวอินเดียเท่านั้น แต่ยังเป็นเทศกาลที่ "แสงเชื่อมสัมพันธ์" (Light Unites Us) ดึงดูดผู้คนจากทุกพื้นเพให้มาร่วมสัมผัสความงามของวัฒนธรรมอินเดีย สร้างบรรยากาศแห่งความสุข รอยยิ้ม และความหวัง พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ "ลิตเติ้ลอินเดีย" แห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตชีวาและเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจระดับโลก

การที่เทศกาลดิวาลีได้รับการสนับสนุนและจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในย่านพาหุรัด สะท้อนถึงจุดแข็งของกรุงเทพมหานครในฐานะ “เมืองพหุวัฒนธรรม” ที่เปิดกว้าง ยอมรับ และส่งเสริมความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมอย่างงดงาม การเชื่อมโยงความศรัทธาในย่านพาหุรัดเข้ากับศูนย์กลางทางศาสนาและพิธีกรรมสำคัญอย่าง วัดเทพมณเฑียร และ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์บริเวณเสาชิงช้า ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า สายธารแห่งอารยธรรมพราหมณ์–ฮินดูได้หล่อเลี้ยงและผสานอยู่ในโครงสร้างของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้ชุมชนชาวไทยเชื้อสายอินเดียและผู้คนจากหลากหลายวัฒนธรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วม งาน “Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025” ระหว่างวันที่ 16–31 ตุลาคม 2568 ณ คลองโอ่งอ่างและพาหุรัด โดยงานในปีนี้ ททท. เนรมิตความสุขสนุกสนานสไตล์แดนภารตะด้วยแนวคิด “Light Unites Us” ใช้แสงเป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิต ความหวัง ขจัดความมืดมน พร้อมถ่ายทอดมิตรภาพของ ไทย–อินเดีย ชวนผู้คนดื่มด่ำมนต์เสน่ห์แห่งแสงผ่านการประดับไฟสุดวิจิตร การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย–อินเดีย ขบวนแห่สไตล์ Bollywood และมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง พร้อมมอบสิทธิประโยชน์มากมายแก่นักท่องเที่ยวภายใต้กิจกรรม Amazing Thailand Grand Diwali Privilege 2025

เทศกาลดิวาลีในพาหุรัดจึงมิได้เป็นเพียงเทศกาลของชาวอินเดียเท่านั้น แต่ยังเป็นเทศกาลที่ “แสงเชื่อมสัมพันธ์ (Light Unites Us)” รวมผู้คนต่างพื้นเพให้มาร่วมเฉลิมฉลอง แบ่งปันรอยยิ้ม และสัมผัสเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอินเดียท่ามกลางใจกลางกรุงเทพฯแสงไฟระยิบระยับแห่งดิวาลีไม่เพียงส่องประกายแห่งศรัทธา แต่ยังปลุกชีพเศรษฐกิจ สร้างสีสันการท่องเที่ยว และเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับย่าน “ลิตเติ้ลอินเดีย” แห่งนี้ จนกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางทางวัฒนธรรมที่เปี่ยมมนต์เสน่ห์ระดับโลก

ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์

อัลบั้มภาพ

ที่มาข้อมูล : TNNONLINE

ที่มารูปภาพ : TNNONLINE