125 ปี สมเด็จย่า “สืบสานงานทันตสาธารณสุข” สู่รอยยิ้มคนไทยทุกวัย

125 ปี สมเด็จย่า “สืบสานงานทันตสาธารณสุข” สู่รอยยิ้มคนไทยทุกวัย

 

วันนี้ (20 ตุลาคม 2568) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานรณรงค์เทิดพระเกียรติ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมี นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวรายงาน และแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมฟินิกซ์ อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดนนทบุรี

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2569 กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบาย 80 : 20 คนไทยสุขภาพช่องปากดีถ้วนหน้า เป้าหมาย “คนไทยอายุ 80 ปี มีฟันถาวรใช้งาน 20 ซี่” โดยสร้างสังคมไทยไร้ฟันผุทุกจังหวัด บูรณาการกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพื่อลดการสูญเสียฟัน เตรียมความพร้อมสู่การมีฟันตลอดช่วงชีวิต รวมถึงพัฒนาระบบริการทันตกรรมด้วยระบบปฐมภูมิไร้รอยต่อ เพิ่มการเข้าถึงบริการ ลดการรอคอย โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง และจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านทันตกรรมในทุกเขตสุขภาพ แก้ปัญหาทันตกรรมที่ซับซ้อน เกิดเครือข่ายบริการทันตกรรมที่มาตรฐาน ไร้รอยต่อ ครบวงจรเบ็ดเสร็จภายในจังหวัด



สรุปข่าว

กระทรวงสาธารณสุขจัดงานเทิดพระเกียรติ 125 ปี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สานต่อพระราชปณิธานด้านทันตสาธารณสุข ตั้งเป้า “คนไทยอายุ 80 ปี มีฟันใช้งาน 20 ซี่” พร้อมยกระดับบริการทันตกรรมทั่วประเทศ ภายใต้นโยบาย One Province One Dental Hospital

 

วันนี้ (20 ตุลาคม 2568) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานรณรงค์เทิดพระเกียรติ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมี นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวรายงาน และแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข แขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมฟินิกซ์ อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดนนทบุรี

นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2569 กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบาย 80 : 20 คนไทยสุขภาพช่องปากดีถ้วนหน้า เป้าหมาย “คนไทยอายุ 80 ปี มีฟันถาวรใช้งาน 20 ซี่” โดยสร้างสังคมไทยไร้ฟันผุทุกจังหวัด บูรณาการกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพื่อลดการสูญเสียฟัน เตรียมความพร้อมสู่การมีฟันตลอดช่วงชีวิต รวมถึงพัฒนาระบบริการทันตกรรมด้วยระบบปฐมภูมิไร้รอยต่อ เพิ่มการเข้าถึงบริการ ลดการรอคอย โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง และจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านทันตกรรมในทุกเขตสุขภาพ แก้ปัญหาทันตกรรมที่ซับซ้อน เกิดเครือข่ายบริการทันตกรรมที่มาตรฐาน ไร้รอยต่อ ครบวงจรเบ็ดเสร็จภายในจังหวัด



นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการเทิดพระเกียรติ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยระดมสรรพกำลังเครือข่ายสุขภาพทั่วประเทศใน “การจัดบริการทันตกรรมเชิงรุกในประชาชนกลุ่มเปราะบาง” ที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการ รณรงค์สร้างกระแสให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก สามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเองและครอบครัว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยบริการทุกระดับของจังหวัด ในการจัดกิจกรรม “รณรงค์แปรงฟันทั่วไทย” การจัดบริการทันตกรรมเชิงรุก และสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย

นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนนโยบาย One Province One Dental Hospital ประกาศยกระดับบริการทันตกรรม ทั่วประเทศให้เป็น “125 โรงพยาบาลทันตกรรม” มีเป้าหมายหลัก คือ การสร้างเครือข่ายบริการที่ได้มาตรฐาน ไร้รอยต่อครบวงจร เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม ลดคิว ลดรอคอย และลดภาระโรคของประชาชน พร้อมตั้งเป้าเข้าถึงบริการอย่างน้อย 5 ล้านคน ภายใน 4 เดือน

ด้านแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบัน สถานการณ์สุขภาพช่องปากของคนไทยยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าเด็กไทยกว่าร้อยละ 50 ต้องเผชิญปัญหาโรคฟันผุวัยทำงานเป็นโรคเหงือกและปริทันต์อักเสบ ผู้สูงอายุร้อยละ 39 มีฟันไม่ถึง 20 ซี่ สิ่งเหล่านี้มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคน้ำตาลสูง และการดูแลช่องปากไม่ถูกวิธี ขณะเดียวกัน การเข้าถึงบริการทันตกรรมยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางและพื้นที่ห่างไกล ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับการตรวจรักษาอย่างสม่ำเสมอ การจัดโครงการเทิดพระเกียรติ 125 ปี แห่งการพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ยังเป็นโอกาสดีที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก มีความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทันตกรรมได้อย่างเท่าเทียม

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN