
สรุปข่าว
วันนี้ (15 เม.ย.) น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจ “ครอบครัวไทยในภาวะวิกฤติ COVIC-19” ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 10 – 13 เม.ย. 2563
พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด พบว่า ร้อยละ 96.4 สมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ร้อยละ 88.3 มีความพยายามหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ไม่ไปอยู่ในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนแออัดและหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงสังสรรค์ ร้อยละ 84.3 มีการทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ กินร้อน ช้อนส่วนตัวและล้างมือบ่อยมากขึ้น
กิจกรรมที่ประชาชนทำขณะอยู่บ้าน Stay at home ในภาวะวิกฤต COVID-19 เมื่อพิจารณาถึงกิจกรรมของครอบครัวที่ทำขณะอยู่บ้าน พบว่า ร้อยละ 98.8 มีการติดตามข่าวสารบ้านเมืองและข่าวสถานการณ์ COVID-19 ร้อยละ 85.6 มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บริจาคเงิน ทำบุญ จิตอาสา ร้อยละ 82 มีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่านโยบายทำงานที่บ้าน (Work for home) พบว่า สมาชิกครอบครัว 7 ใน 10 คน ทำงานที่บ้านมีสัดส่วน 1 ใน 4 คน ที่ใช้เวลาทำงานมากพอๆ กับที่ทำงาน แม้ว่าจะมีสถานการณ์วิกฤตจากโรคระบาด
ครอบครัวไทยส่วนใหญ่ ร้อยละ 96 ไม่ได้ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายกัน อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะความตึงเครียด ทำให้สมาชิกครอบครัว ร้อยละ 56.4 ที่สามารถควบคุมการใช้อารมณ์รุนแรงหรือไม่ใช้อารมณ์รุนแรงกับคนในครอบครัว และที่น่าห่วงใย คือ มีครอบครัวไทยร้อยละ 5.8 ที่เมื่อมีความหงุดหงิดและโมโหแทบไม่สามารถควบคุมการใช้อารมณ์กับคนในครอบครัวได้เลย ซึ่งในจำนวนนี้มีร้อยละ 0.9 ที่มีการใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายกัน จนได้รับบาดเจ็บ
ด้านการอยู่ร่วมกันของครอบครัวในภาวะวิกฤติ COVID-19 พบว่า ร้อยละ 94.6 มีความเห็นว่าสถาบันครอบครัว คือสถาบันที่มีความสำคัญมากที่สุด ร้อยละ 84.0 คือ รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว และร้อยละ 68.9 มีการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ร่วมกับครอบครัว อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่น่ากังวล คือ มีครอบครัวไทยเพียงร้อยละ 23.4 เท่านั้น ที่ไม่มีปัญหาด้านการเงินและสามารถดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้ในภาวะวิกฤตนี้ สำหรับครอบครัวร้อยละ 61.4 พอที่จะสามารถจัดการแก้ไขปัญหาทางการเงินและดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้แต่สำหรับครอบครัว ร้อยละ 14.7 มีปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะแทบไม่สามารถจัดการด้านการเงินและค่าใช้ จ่ายของครอบครัวได้
ทั้งนี้ มีครอบครัวเกือบ 2 ใน 3 หรือ ร้อยละ 65.5 มีความเชื่อถือข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข และมีความเชื่อมั่นการทำงานของรัฐรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ที่สำคัญ จากภาวะวิกฤตนี้ ทำให้ประชาชนกว่า 6 ใน 10 หรือ ร้อยละ 60.1มีการใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียงมากขึ้น
- พาณิชย์สั่งห้าม ATK ขาด-ห้ามแพง ย้ำผู้ค้าต้องเติมสต๊อกทันที
- "โควิด19"แพร่ระบาดพ้นจุดสุงสุด แนวโน้มเริ่มลดลง
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- วัคซีนโควิด-19 ไม่ถูกถอดจากรายชื่อวัคซีนแนะนำในสหรัฐฯ
- โควิด-19 ระบาดหลายภูมิภาค! "สายพันธุ์ NB.1.8.1" แพร่กระจายเร็ว อย่าชะล่าใจ
- สถานการณ์โควิดป่วยสะสมพุ่ง 2.5 แสนราย สายพันธุ์ NB.1.8.1 ระบาดแรง
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand