
สรุปข่าว
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลักดันและสนับสนุนนักศึกษาในการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความสามารถในการนำไปใช้ประโยชน์หรือมีส่วนจัดการกับสถานการณ์ปัญหาและความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การทำหน้าที่ของตนเองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการสร้างความดี การมีจิตสาธารณะ และพร้อมที่จะช่วยเหลือสังคมเมื่อมีโอกาส เพื่อเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพของสังคม และประเทศชาติต่อไป
จากจุดเริ่มต้นของความสงสัยที่ว่า”สามารถทำได้จริงมั๊ย” ของนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ต้องหาคำตอบและข้อพิสูจน์จนกลายเป็นที่มาของการคิดค้นนวัตกรรมหน้ากากอนามัยความดันบวก หรือ Positive pressure Mask
นายณัฐภัทร สูงติวงค์ (เบส) นายจตุพร สุขอ่วม (เอม) นายจารุกิตติ์ เหล่ากาวี (ออโต้) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ และนายสุวิจักขณ์ พฤกษ์ทยานนท์(มาร์ค) คณะสถาปัตยกรรมภาคอินเตอร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือกลุ่มนักศึกษาที่เริ่มต้นคิดค้นนวัตกรรมหน้ากากความดันบวก หรือ Positive pressure ภายใต้ชื่อ “MasquraX” การระดมความคิด ตั้งแต่การวางแผน ประสานงาน เขียนแบบ จนถึงลงมือปฏิบัติ โดยใช้ความรู้ทางด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมเข้ามาช่วยทำให้ตัวหน้ากากสามารถใช้ได้จริง
“MasquraX” Gen 1 คิดค้นขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถสวมใส่หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพ โดยสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้มากถึง 99% และยังสวมใส่สบาย กระชับกับใบหน้า และสามารถใช้งานได้ในระยะยาว เหมาะกับนักผจญเพลิง เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า หรือผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ส่วนการใช้งานในขณะนี้ยังอยู่ในวงจำกัด และยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้มีขนาดเล็กและพกพาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
โดยนวัตกรรมนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย ฟองสมุทร หัวหน้าภาควิชาฯ และศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย อาจารย์ ดร.ว่าน วิริยา ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ฯ ที่ได้ร่วมเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบ และสนับสนุนการทำงานของนักศึกษาในทุกๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์ สถานที่ทำงาน และองค์ความรู้ต่างๆ
การพัฒนาอย่างตjอเนื่องเพื่อตอบโจทย์กลุ่มแพทย์เฉพาะทางจึงเกิด MasquraX Gen 2 โดยนอกจากจะสามารถใช้ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถป้องกันสารคัดหลั่งได้เป็นอย่างดี อีกทั้งแบตเตอรี่ยังมีขนาดเล็กลง และมีน้ำหนักเบาลงอีกด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 สำหรับการทำงานของ MasquraX ทั้ง 2 Gen จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนสำคัญ คือ
ส่วนแรก เป็นส่วนกรองอากาศที่คาดติดกับเอว มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีขาว จะมีพัดลมขนาดเล็กที่ใช้ดูดอากาศเข้าไปกรองผ่านฟิลเตอร์สำหรับกรองคาร์บอน ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอน ได้ถึง 99% (แผ่นฟิลเตอร์ของตัวต้นแบบได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Nelson Lab) โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่อยู่ภายในกล่องเดียวกัน
ฟิลเตอร์ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนได้เมื่อประสิทธิภาพการกรองลดลง และยังมีตัวดูดอากาศที่สามารถดูดอากาศผ่านจากฟิลเตอร์ส่งผ่านท่อไปยังหน้ากาก ซึ่งฟิลเตอร์ก็สามารถเปลี่ยนได้ง่าย และหาได้ตามท้องตลาด เช่น หน้ากากอนามัยกัน PM 2.5 ทั่วไป
ส่วนที่สอง คือส่วนที่เป็นตัวหน้ากากครอบใบหน้า ซึ่งดัดแปลงมาจากหน้ากากดำน้ำการทำงานคือหลังจากที่อากาศถูกกรองจนสะอาดแล้ว จะถูกส่งผ่านท่อเข้าสู่หน้ากาก อากาศสะอาดจะส่งผ่านไปที่ตัวหน้ากากตลอดเวลา อากาศที่บริสุทธิ์จะดันออกมา ทำให้ฝุ่นควัน หรือแก๊ส ไม่สามารถเข้าถึงได้ และจะถูกผลักออก เพราะเป็น Positive Pressure
จึงทำให้ผู้ที่สวมใส่ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ หายใจสะดวก คล้ายๆ กับเครื่องกรองอากาศขนาดเล็กเคลื่อนที่ ปัจจุบันได้นำไปมอบให้โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่และได้มีการนำไปใช้จริงในห้องผ่าตัด
ความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับหน้ากากทั่วไปนั้น หน้ากากทั่วไปเวลาสวมใส่อาจจะเกิดรอยรั่วที่ปิดไม่สนิทแนบชิดหน้า ทำให้ฝุ่นหรือเชื้อโรคยังสามารถเข้าได้
แต่หน้ากาก MasquraX ถูกออกแบบมาให้สวมใส่สบายและไม่จำเป็นต้องใส่แนบชิดใบหน้า โดยกรองอากาศที่เข้ามาให้บริสุทธิ์ก่อน แล้วจึงนำอากาศที่กรองแล้วเข้าสู่ตัวหน้ากาก เมื่อในหน้ากากมีอากาศที่บริสุทธิ์ ก็จะดันลมออกทำให้ความดันภายในหน้ากากเป็นบวก
เช่น การเผาป่าหากมีควันเข้ามาในหน้ากากและใส่หน้ากากไม่แนบชิดพอ ควันก็จะเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ จึงใช้ระบบนี้เพื่อไล่ควันออกไป ไม่ให้เข้าสู่ระบบหายใจของผู้ดับไฟได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้ในการผลิตต่อ 1 เครื่อง หากเป็นหน้ากากที่ใช้ทางการแพทย์จะอยู่ที่ตัวละประมาณ 5,000 บาทขึ้นไป รวมถึงฟิลเตอร์ที่ใช้จะต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่ใช้งาน จึงทำให้ต้นทุนสูงกว่า ส่วนหน้ากากสำหรับผู้ดับไฟป่าจะราคาลงมาอยู่ที่ประมาณ 4,000 บาทขึ้นไป ฟิลเตอร์ใช้ได้ประมาณ 2-5 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน สาเหตุที่ราคาแตกต่างกันเนื่องจากตัวหน้ากากเป็นคนละชนิดกัน
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand