
สรุปข่าว
วันนี้ (8 พ.ค.63) ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ สำหรับฉีดแก่บุคลากรทางการแพทย์ โดยได้มอบวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ทั้งหมด 5,000 โด๊ส ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์เร่งให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2563 เร็วขึ้น คือ ระหว่างวันที่ 1 พ.ค. ถึง 31 ส.ค. 63 จำนวน 4.11 ล้านโด๊ส เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงที่หากป่วยแล้วอาจจะมีอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิต โดยจะให้บริการฉีดฟรี 8 กลุ่มเสี่ยง แบ่งออกเป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และสำหรับประชาชนทั่วไป โดยได้นำเข้าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่จะได้ฉีด ได้แก่
- กลุ่มหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
- เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย โรคมะเร็ง
- ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้พิการทางสมอง
- ผู้ป่วย HIV
- ผู้ป่วยโรคอ้วน ในส่วนนี้สปสช. จะเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบ
- บุคลากรทางการแพทย์ 410,000 โด๊ส
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หากประเทศไทย และคนไทย จะกลับคืนสู่สภาวะปกติได้นั้น คือ การมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ แต่ระหว่างที่รอวัคซีนป้องกันโรคก็ต้องป้องกันการแพร่เชื้อ และทำการรักษาประชาชนในประเทศ ซึ่งมาจากบุคลากรทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ประชาชนต้องปรับการใช้ชีวิต สู่ new normal หรือ ชีวิตวิถีใหม่ ให้ได้ 70-80% ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับความคืบหน้า การศึกษาวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิค-19 ในประเทศไทยเมื่อวานนี้ได้มีการประชุม คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องโดยตนเองได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อนำไปวิจัย พัฒนา รวมกับสถาบันทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยตนเชื่อมั่นบุคลากรทางการแพทย์ของไทย นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่จะร่วมการวิจัย คิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้
ทั้งนี้ โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่จะพบผู้ป่วยมากขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ประกอบกับช่วงนี้มีการระบาดโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดความสับสนในการวินิจฉัยและการดูแลรักษา
โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ที่ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ ของผู้ป่วย ผ่านการไอหรือจามรดกัน โดยหลังจากได้รับเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากและปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แต่สามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน
สำหรับกลุ่มเสี่ยงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจทำให้เสียชีวิตได้ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 13 เมษายน 2563 มีรายงานผู้ป่วย 95,994 ราย ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง ผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ 0-4 ปี รองลงมาคือ อายุ 10-14 ปี และ 7-9 ปี ซึ่งเป็นอายุที่อยู่ในกลุ่มวัยเรียน
เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand