
สรุปข่าว
12 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นวันที่สภาพยาบาลระหว่างประเทศ (International of Nurses, ICN) ซึ่งเป็นองค์กรวิชาชีพพยาบาล กำหนดให้เป็น "วันพยาบาลสากล" โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971)
สาเหตุที่เลือกและกำหนดวันดังกล่าว ก็เพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึง มิสฟลอเรนซ์ ไนติงเกล สุภาพสตรีผู้มีคุณูปการต่อวิชาชีพการพยาบาลยุคใหม่
เธอเกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2363 ลืมตาดูโลก บิดาชาวอังกฤษของเธอเป็นชนชั้นสูงหัวใหม่ มีที่มรดกทั้งดินของตระกูล และพันธบัตรรัฐบาล จึงมีเงินร่ำรวยมาก (รายรับปีละ 8,000 ปอนด์ เทียบเป็นเงินสมัยนี้ประมาณปีละ 30,000,000บาท ตั้งแต่ช่วงอายุยี่สิบ) และมารดาชาวฝรั่งเศส (มารดาของเธอเป็นน้องสาวของ "เลดี้" เนื่องจากสมรสกับขุนนางยศ "เซอร์" คนหนึ่งของอังกฤษ) ขณะที่มารดาครรภ์แก่ บิดาและมารดาของเธอไปพักร้อนในคฤหาสน์หรูของเพื่อนสนิทที่อิตาลี เธอจึงได้ชื่อ "ฟลอเรนซ์" ตามเมืองที่เธอเกิด
ฟลอเรนซ์อาศัยอยู่ในเคหาสน์สถานใหญ่โตในสวนสวยงามที่อังกฤษ มีคนรับใช้สะดวกสบายยิ่ง สมัยนั้นเรียกได้ว่าเป็นคุณหนู แต่สมัยนี้น่าจะใช้คำว่า "ไฮโซ" ได้เต็มปาก
ฟลอเรนซ์เป็นสตรีในยุควิคตอเรียนที่เก่งมาก เก่งกว่าสตรีทั่วไป เธอเรียนกับบิดาผู้เป็นนักเรียนเก่งเคมบริดจ์ จนกระทั่งมีความรอบรู้วิชาการต่างๆ เป็นอย่างดีและพูดได้ดีถึง 6 ภาษา ถ้าฟลอเรนซ์ใช้ชีวิตตามขนบประเพณีลูกคนรวยในยุคนั้น เธอก็จะสุขสบาย มีคู่ครองที่ได้รับความเห็นชอบจากพ่อแม่ ฐานะไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ความรู้ความสามารถของเธอ จะทำให้ครอบครัวในอนาคตของเธอเป็นปึกแผ่นมากขึ้นอีกด้วย เธอจะมีสามีที่ดี ครอบครัวแสนสุขอบอุ่น ลูกน่ารัก สุขไปตามเศรษฐสถานะ มรดกจากพ่อแม่จะทำให้เธอเป็น "เศรษฐีนี" คนหนึ่งในเกาะอังกฤษ
แต่คงเป็นประสงค์ของพระเจ้าที่ประทานความศรัทธาอันแรงกล้าให้เธอ และเพื่อให้มวลมนุษยชาติก้าวเข้าสู่โลกของการพยายามแบบใหม่ ฟลอเรนซ์เติบโตขึ้นมาโดยมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่หนึ่งเดียวในชีวิต เธอจะเป็นพยาบาล...
แต่ยุคนั้นในยุโรป พยาบาลถือเป็นงานระดับล่างของสังคม ภาพลักษณ์ของพยาบาลเป็นไปในทางลบโดยสิ้นเชิง ถูกมองว่าต้องอยู่กับความสกปรกและสิ่งน่ารังเกียจ สตรีที่มาเป็นพยาบาลให้กองทัพคือสตรียากไร้ที่จำต้องมาทำงานลำบากลำบนเพื่อให้ได้เงินปะทะประทังชีวิต
แน่นอนว่าบิดามารดาของเธอค้านสุดชีวิต โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ในที่ชุดก็จำต้องยอมเพราะฟลอเรนซ์ยืนยันคำขาดว่าต้องการเดินบนเส้นทางอันเสียสละ ทำความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
ฟลอเรนซ์ทำงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเด็กกำพร้า ช่วยเหลือคนอนาถายากไร้ และด้วยกำลังทรัพย์ของครอบครัว เธอสามารถเดินทางไป "ดูงาน" ตามประเทศต่างๆ ได้ ทั่วยุโรป ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของบิดามารดาที่ห่วงสุดหัวใจ เพราะช่วงนั้น ยุโรปคุกรุ่นไปด้วยไฟสงคราม
ฟลอเรนซ์กลับมาอังกฤษแล้วพบว่าบิดาล้มป่วย เธอใช้วิชาการพยาบาลเพื่อดูแลบิดา จนบิดาเห็นความสำคัญของศาสตร์และวิชาชีพการพยาบาล จนอนุญาตให้เธอทำงานการพยาบาลที่สถานพยาบาลสำหรับกุลสตรีชั้นสูงในลอนดอนได้ ที่นั่นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอุจจาระ ปัสสาวะ สกปรกไร้ซึ่งอนามัยใดๆ ฟลอเรนซ์ใช้เงินส่วนตัวจากครอบครัว ในการปรับปรุงสถานที่นั้นใหม่ทั้งหมด และได้ออกแบบการรักษาพยาบาลใหม่ และสามารถรับมือการระบาดของอหิวาตกโรคได้
ฟลอเรนซ์ดำรงตำแหน่ง ผอ. ศูนย์อนามัยสำหรับคนไข้หญิงล้วนในลอนดอน ครอบครัวของเธอออกเงินค่าใช้จ่ายให้เธอปีละ 500 ปอนด์ด้วย (เทียบเป็นเงินไทยทุกวันนี้คือ ปีละ 1,750,000 บาท ตกเดือนละ 150,000) แถมตั้งเจมส์ โจเซฟ (James Joseph) นักคณิตศาสตร์มือดีให้เป็นที่ปรึกษาด้วย
ค.ศ. 1853 ได้เกิดสงครามไครเมียซึ่งทหารอังกฤษถูกส่งไปช่วยพันธมิตรคือออตโตมัน (ตุรกี) รบกับรัสเซีย มีทหารบาดเจ็บล้มตาย ทั้งจากการรบ โรคระบาด และภาวะไม่ถูกสุขลักษณะและสุขอนามัยของการหักโหมออกรบ การกินอยู่หลับนอน ฟลอเรนซ์จึงนำคณะพยาบาลที่เธอก่อตั้งและเทรนด์มาเองกับมือ ออกแนวหน้าเพื่อดูแลทหารเหล่านั้น
เธอช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บอย่างไม่แบ่งฝักฝ่าย ช่วยทั้งทหารอังกฤษและทหารฝั่งศัตรูอย่างมินำพาคำสั่งของผู้บังคับบัญชาทางทหารแต่อย่างใด เธอตระหนักดีว่า การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต้องเท่าเทียมกัน ภาพชินตาของผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บทุกชีวิต คือภาพของฟลอเรนซ์ที่ถือตะเกียงเดินตรวจดูคนไข้ยามดึกดื่นทุกคืน เธอถูกขนานนามและเป็นที่รู้จักว่า “สุภาพสตรีแห่งดวงประทีป” (Lady of the Lamp) ทำให้ "ตะเกียงไนติงเกล" กลายเป็นสัญลักษณ์สากลของการพยาบาลในเวลาต่อมา
เธอกลับอังกฤษในฐานะวีรสตรีของประเทศ หลังประสบความสำเร็จในการรักษาพยาบาลและดูแลเหล่าทหารหาญ อัตราการตายของทหารลดลงอย่างรวดเร็วจากร้อยละ 42 เหลือเพียงร้อยละ 2 ภายในเวลา 6 เดือน สมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงชื่นชมเธอมาก
เธอพบว่าหลังจากที่สร้างสถิติการรักษาแบบใหม่ ลดการตายจาก 42% ลดลงเหลือ 2% เพราะพบว่าเหตุการตายส่วนมากไม่ได้มาจากแผลของอาวุธ แต่มาจากการติดเชื้อหลังจากนั้นเพราะความสกปรก ทำให้เธอพยายามเผยแพร่ความรู้เรื่องการติดเชื้อ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ โดยให้ที่ปรึกษาที่พ่อส่งมาให้อย่างเจมส์ โจเซฟ ช่วยพล็อตออกมาเป็นกราฟ เพื่อให้เข้าใจง่าย ฟลอเรนซ์จึงถูกยกย่องในเชิงของศาสตร์แห่งสถิติอีกด้วย
ฟลอเรนซ์ทำงานด้านการพยาบาลและสาธารณสุขถวายสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียตลอดรัชสมัยและเป็นที่โปรดปรานยิ่ง พระราชทานของขวัญหลายครั้งจนกระทั่งสวรรคต เจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ดขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทรงเห็นความสำคัญของฟลอเรนซ์ในการทำงานเสียสละเพื่อชาติตลอดมา จึงทรงให้ผู้แทนพระองค์นำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงที่ไม่เคยพระราชทานแก่สตรีผู้ใดมาก่อน มาพระราชทานให้ท่านที่เตียงนอน ซึ่งขณะนั้นเธอเข้าสู่วัยชรา สังขารทรุดโทรมจากการอุทิศทำงาน นอนติดเตียง แต่ก็ยังคงทำงานต่อตามเรี่ยวแรงที่มี ก่อนจะเดินทางไปเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าในวัย 90 ปี
โลกยกย่องเธอในฐานะ ผู้บุกเบิกการพยาบาลแห่งยุคใหม่ และเป็นเอกฉันท์ที่วันเกิดของเธอ ถูกกำหนดให้เป็น "วันพยาบาลสากล"
มรดกของเธอ คือองค์ความรู้ที่เธอบุกเบิก ศึกษา ทดลองปฏิบัติมาตลอดชีวิต ที่ทำให้เหล่านางฟ้าชุดขาว พยาบาลรุ่นหลังทุกชาติทุกภาษา มีแนวทางการดูแลผู้ป่วย ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับแพทย์และเหล่าบุคลากรสาธารณสุข จนสามารถพาให้โลก ผ่านวิกฤติโรคระบาดมาทุกยุคสมัย
ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ความเสียสละอุทิศของฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ยังคงมีชีวิตและเป็นอมตะ อยู่ในทุกจิตวิญญาณความศรัทธาเชื่อมั่นต่อการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ของพยาบาลทุกคนบนโลกใบนี้
ขอบคุณนางฟ้าชุดขาวทุกคน ที่ทำเพื่อเรา
cr.ภาพจาก ️florence nightingale️
- พาณิชย์สั่งห้าม ATK ขาด-ห้ามแพง ย้ำผู้ค้าต้องเติมสต๊อกทันที
- โควิด NB.1.8.1 เป็นสายพันธุ์หลักในไทยแล้ว มีแนวโน้มมากขึ้น
- วัคซีนโควิด-19 ไม่ถูกถอดจากรายชื่อวัคซีนแนะนำในสหรัฐฯ
- โควิด-19 ระบาดหลายภูมิภาค! "สายพันธุ์ NB.1.8.1" แพร่กระจายเร็ว อย่าชะล่าใจ
- กรมวิทย์ฯ คาดโควิดสายพันธุ์ NB.1.8.1 กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทยและทั่วโลก
- “หมอยง” เปิดข้อมูลโควิดสายพันธุ์ล่าสุดที่พบในกทม. ติดต่อง่าย แพร่กระจายเร็ว
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand