
พิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของกัมพูชา มีที่มาอย่างไร?
พิธีแต่งงานของชาวกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า “Traditional Khmer Wedding” เป็นหนึ่งในขนบธรรมเนียมสำคัญที่สุดในสังคมกัมพูชา ที่เปี่ยมไปด้วยความวิจิตรงดงาม ความเชื่อทางศาสนา และการเคารพบรรพบุรุษ พิธีกรรมต่าง ๆ ถูกสืบทอดกันมานานหลายศตวรรษ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานการแต่งงานระหว่าง เจ้าชายพระทอง (Preah Thong) และ เจ้าหญิงนาค เนียงเนียก (Neang Neak) ซึ่งเป็นรากฐานของคติความเชื่อเกี่ยวกับครอบครัวในสังคมเขมร
ในอดีต พิธีแต่งงานของชาวกัมพูชาจะใช้เวลายาวนานถึง 3 วัน 3 คืน แต่ในปัจจุบันด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและเวลา ครอบครัวส่วนใหญ่จึงย่อเหลือเพียง 1 วันครึ่ง อย่างไรก็ตาม คู่บ่าวสาวยังคงรักษาแก่นแท้ของพิธีกรรมไว้ และแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมอันล้ำค่าของตนอย่างเต็มที่
สรุปข่าว
พิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของกัมพูชา มีที่มาอย่างไร?
พิธีแต่งงานของชาวกัมพูชา หรือที่เรียกกันว่า “Traditional Khmer Wedding” เป็นหนึ่งในขนบธรรมเนียมสำคัญที่สุดในสังคมกัมพูชา ที่เปี่ยมไปด้วยความวิจิตรงดงาม ความเชื่อทางศาสนา และการเคารพบรรพบุรุษ พิธีกรรมต่าง ๆ ถูกสืบทอดกันมานานหลายศตวรรษ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานการแต่งงานระหว่าง เจ้าชายพระทอง (Preah Thong) และ เจ้าหญิงนาค เนียงเนียก (Neang Neak) ซึ่งเป็นรากฐานของคติความเชื่อเกี่ยวกับครอบครัวในสังคมเขมร
ในอดีต พิธีแต่งงานของชาวกัมพูชาจะใช้เวลายาวนานถึง 3 วัน 3 คืน แต่ในปัจจุบันด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและเวลา ครอบครัวส่วนใหญ่จึงย่อเหลือเพียง 1 วันครึ่ง อย่างไรก็ตาม คู่บ่าวสาวยังคงรักษาแก่นแท้ของพิธีกรรมไว้ และแสดงความเคารพต่อวัฒนธรรมอันล้ำค่าของตนอย่างเต็มที่
ลำดับพิธีแต่งงานแบบเขมร 7 ขั้นตอนสำคัญ
1. Hai Goan Gomlom – เริ่มต้นการรวมญาติ
พิธีเริ่มต้นขึ้นเมื่อฝ่ายเจ้าบ่าวพร้อมครอบครัวเดินทางไปยังบ้านเจ้าสาว พร้อมของขวัญมงคลเพื่อแสดงความจริงใจ ทั้งสองฝ่ายจะถูกแนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ก่อนจะเข้าสู่การแลกแหวนหมั้น เป็นการประกาศความผูกพันต่อหน้าครอบครัว
2. Sien Doan Taa – ถวายชาระลึกถึงบรรพบุรุษ
คู่บ่าวสาวจะถวายชาต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ เพื่อเชิญให้มาร่วมรับรู้และอวยพรในพิธี เป็นการแสดงความกตัญญูและเชื่อมโยงชีวิตใหม่กับรากเหง้าครอบครัว
3. Soat Mun – พรจากพระสงฆ์
พระสงฆ์จะทำพิธีสวดมนต์และพรมน้ำมนต์เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตสมรสราบรื่น เต็มไปด้วยความสุข ความมั่งคั่ง และความปรองดอง
4. Bang Chhat Madaiy – กางร่มถวายบุพการี
พิธีนี้มีความหมายลึกซึ้ง โดยคู่บ่าวสาวจะกางร่มให้พ่อแม่ของตนเอง เป็นสัญลักษณ์ของการตอบแทนพระคุณ และการรับภาระปกป้องครอบครัวในฐานะหัวหน้าครอบครัวรุ่นใหม่
5. Gaat Sah – ตัดผมเชิงสัญลักษณ์
พิธีตัดผมนี้เป็นการแสดงออกถึงการชำระล้างอดีต และเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตใหม่ร่วมกัน โดยมีผู้ใหญ่ทำท่าเป็นการตัดผม และกล่าวคำอวยพร
6. Sompeas Ptem – ผูกข้อมือ ประกาศรักนิรันดร์
ช่วงเวลาสำคัญที่สุดของงาน คู่บ่าวสาวจะนั่งคุกเข่าพร้อมถือดาบทองไว้ในมือระหว่างจับมือกัน แขกและครอบครัวจะทยอยกันผูกด้ายแดงที่ข้อมือทั้งสองฝ่าย ซึ่งสื่อถึงการผูกพันกันตลอดชีวิต ปิดท้ายด้วยการโปรยดอกตาลและคำอวยพรจากผู้ร่วมงาน
7. Bongvul Pbopul – รับพรจากคู่แต่งงานที่มีประสบการณ์
คู่บ่าวสาวจะถูกล้อมรอบด้วยคู่สามีภรรยาที่แต่งงานแล้ว เพื่อส่งต่อคำอวยพรและประสบการณ์ชีวิตคู่ เป็นพิธีอันอบอุ่นที่สื่อถึงความต่อเนื่องของสถาบันครอบครัว

ภาพจากเพจ : อาเซียนมองไทย
หลังจากจบพิธีการแบบดั้งเดิม จะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองสมรสอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมวงดนตรีบรรเลงและอาหารพื้นเมืองต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่แขกทุกคนมีส่วนร่วม
แม้ปัจจุบันกัมพูชาจะเปิดรับรูปแบบพิธีตะวันตกมากขึ้น เช่น งานเลี้ยงสั้นในโรงแรมหรือการแต่งกายแบบสากล แต่คนรุ่นใหม่หลายคู่ก็ยังคงเลือกที่จะรักษาพิธีแต่งงานแบบเขมรไว้ เพราะเห็นคุณค่าทางวัฒนธรรมและสายสัมพันธ์ที่พิธีมอบให้กับครอบครัว
ความพยายามขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โยงกับดรามา “เคลมชุดไทย”
เพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมนี้ รัฐบาลกัมพูชาได้เสนอให้พิธีแต่งงานแบบเขมรขึ้นทะเบียนเป็น มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO โดยคาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาภายในปี 2026 นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการรักษาอัตลักษณ์ของชาติกัมพูชา
ชาว TikTok ไทยลุกฮือ Call out ห่วงกัมพูชาสอดไส้ชุดไทยในเอกสารขึ้นทะเบียน
อย่างไรก็ตามในโลกโซเชียลของไทย ก็มีการพูดถึงการสอดไส้เคลมชุดไทยในการยื่นขึ้นทะเบียนชุดแต่งงานในครั้งนี้ขึ้นมา หลังมีผู้ระบุว่า ในเอกสารเตรียมเสนอ “ประเพณีแต่งงานกัมพูชา” ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ปี 2026 มีการใส่ภาพและคำอธิบายที่ชวนให้เข้าใจผิดว่าเป็น ชุดไทย หลุดเข้าไปด้วย
จนเกิดเป็นกระแสไวรัลใน TikTok มีกลายทำคลิป Call out อธิบายความเป็นมาของชุดไทยที่ถูกพัฒนามาแต่ครั้งโบราณ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาระบุจุดยืน และเตรียมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพื่อป้องกันมิให้วัฒนธรรมไทยถูกบิดเบือนและอ้างสิทธิ์ในเวทีโลก
กระทรวงวัฒนธรรมชี้แจงแล้ว “ไม่เกี่ยวกับชุดไทย” กัมพูชาขึ้นทะเบียนแค่งานแต่งงาน
นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า ความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับรายงานว่า ประเทศกัมพูชาเตรียมเสนอ “ประเพณีแต่งงาน” ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ และมีข้อกล่าวอ้างว่าจะมีการสอดแทรก “ชุดไทย” ในรายการดังกล่าว จนก่อให้เกิดความวิตกในหมู่ประชาชนบางกลุ่ม ในเรื่องนี้ วธ. โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
รายการที่ประเทศกัมพูชากำลังจัดเตรียมเสนอคือ “Traditional Khmer Wedding” หรือประเพณีแต่งงานแบบเขมร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนบริบทท้องถิ่นของกัมพูชาเอง ไม่ได้มีการอ้างอิงถึง “ชุดไทย” หรือการสอดแทรกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายแบบไทยแต่อย่างใด
ตีกันมานานแล้ว กับประเด็นชุดไทยกับกัมพูชา ใครเป็นต้นตำรับ
อย่างไรก็ตามประเด็นการกล่าวหาว่า “กัมพูชาเคลมชุดไทย” นั้น ไม่ใช่เพิ่งขึ้นแต่อย่างใด ชนวนเหตุเริ่มมาจาก เพจและบูธในกัมพูชา เริ่มนำชุดที่มีลักษณะคล้ายชุดไทยพระราชนิยม เช่น “ชุดไทยบรมพิมาน” ไปจัดแสดงและอ้างเป็นของตน แพร่หลายในกลุ่มประกวดและอีเวนต์ต่างประเทศ จนเกิดเป็นกระแสปะทะกันในโลกโซเชียล ห
คนไทยกล่าวหา ชาวกัมพูชาเริ่มแต่งชุดไทยเพราะละคร "บุพเพสันนิวาส"?
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นเรื่อง “กัมพูชาเลียนแบบชุดไทย” กลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ของไทย โดยเฉพาะหลังจากที่ละคร “บุพเพสันนิวาส” ออกอากาศครั้งแรกในปี พ.ศ. 2561 กระแสความนิยมในชุดไทยย้อนยุคเพิ่มสูงขึ้น หนึ่งในกระแสที่ปรากฏคือ ข้อกล่าวหาว่าชาวกัมพูชานิยมแต่งกายเลียนแบบชุดไทย โดยมีคำกล่าวอ้างว่า “เริ่มใส่ชุดไทยก็เพราะละครบุพเพสันนิวาส” - แต่ความจริงมีหลายแง่มุมที่ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน
ความนิยมชุดไทยในกัมพูชา บังเอิญ หรือ ตั้งใจ?
ในช่วงหลังจาก บุพเพสันนิวาส ออกฉาย มีภาพของชาวกัมพูชา (โดยเฉพาะวัยรุ่น) แต่งกายด้วยชุดที่ดูคล้ายชุดไทยปรากฏใน TikTok และ Facebook อย่างแพร่หลาย เช่น การห่มสไบ ใช้ผ้าลูกไม้ หรือโพสท่าถ่ายรูปในฉากย้อนยุค
ชาวเน็ตไทยจำนวนหนึ่งจึงมองว่าเป็นการ "เลียนแบบ" หรือ "เคลมวัฒนธรรม" ขณะที่บางฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องของ Soft Power ที่ส่งอิทธิพลข้ามพรมแดน และการแต่งชุดที่ดูคล้ายกันอาจไม่ใช่การจงใจลอกเลียน แต่เป็นผลจากกระแสแฟชั่นย้อนยุคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกัน
อีกทั้งกระแสนี้ไม่ใช่จำกัดแค่กัมพูชา แต่ได้รับความนิยมอย่างมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้กระทั่งสาวๆ ชาวจีนก็ชื่นชอบชุดไทยเป็นอย่างมาก
สิ่งที่สุมไฟให้ลุกขึ้นกลางโซเชียลจนทำไปสู่การทะเลาะกันคือการนำ “ธงชาติกัมพูชา” ไปแปะบนรูปบนคลิป ซึ่งก็ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นฝีมือของพวกเกรียนคีย์บอร์ดปั่นเล่นเพื่อความสนุก หรือ หวังผลจะให้สิ่งเผยแพร่ออกไปนั้นกลายเป็นหลักฐานทางดิจิทัลเพื่อหวังผลประโยชน์อ้างสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของในอนาคตก็ไม่อาจทราบได้
เรื่องนี้จะจบอย่างไรต้องรอดูกันปีหน้าหาก Unessco ประกาศขึ้นทะเบียนชุดไทยอย่างเป็นอย่างการ ฟีดแบ็กของเพื่อนบ้านเราจะออกมาในทิศทางใด
- เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงนำหัตถศิลป์ที่รังสรรค์จากผ้าไทยสู่เวทีโลกเชิดชูจิตวิญญาณแห่งช่างฝีมือไทย
- ยูเนสโก ขึ้นทะเบียน "เคบายา" มรดกวัฒนธรรมฯ ร่วม 5 ชาติ
- ต้มยำกุ้งไทย ดังไกล! ยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกโลก
- ข่าวดี! "CEOWORLD" ยกไทยขึ้นอันดับ 5 ของโลก ด้านมรดกวัฒนธรรม
- ส่อง รร.เกาะพะงัน กัมพูชาซัดขโมยมรดกวัฒนธรรมนครวัด-นครธม
ที่มาข้อมูล : cambodiatravel, กระทรวงวัฒนธรรม
ที่มารูปภาพ : Getty Images
