
สองเดือนที่ผ่านมา “กรุงเทพฯ” กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์ ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Social Listening “dxt:360” โดยบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด เผยว่า “สุขุมวิท” ยังคงครองแชมป์ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของคนยุคดิจิทัล ด้วยกระแสการพูดถึงสูงถึง 33% จากทุกโพสต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองหลวง ขณะที่เทรนด์การเที่ยวที่มาแรงที่สุดคือ “Lifestyle & Cafe Hopping” ซึ่งคิดเป็นกว่า 65.2% ของทั้งหมด โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มหลักที่สร้างพลังการสื่อสารสูงสุดถึง 58% จุดไฟให้เกิดกระแส “อยากไปเที่ยวตาม” ทั่วทั้งเมือ
สรุปข่าว
สองเดือนที่ผ่านมา “กรุงเทพฯ” กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทั้งในชีวิตจริงและบนโลกออนไลน์ ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Social Listening “dxt:360” โดยบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด เผยว่า “สุขุมวิท” ยังคงครองแชมป์ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของคนยุคดิจิทัล ด้วยกระแสการพูดถึงสูงถึง 33% จากทุกโพสต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในเมืองหลวง ขณะที่เทรนด์การเที่ยวที่มาแรงที่สุดคือ “Lifestyle & Cafe Hopping” ซึ่งคิดเป็นกว่า 65.2% ของทั้งหมด โดยมี TikTok เป็นแพลตฟอร์มหลักที่สร้างพลังการสื่อสารสูงสุดถึง 58% จุดไฟให้เกิดกระแส “อยากไปเที่ยวตาม” ทั่วทั้งเมือ
สุขุมวิท : ศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ความนิยมของสุขุมวิทไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะย่านนี้คือศูนย์รวมของทุกอย่างที่สะท้อนชีวิตคนรุ่นใหม่ ทั้งห้างหรูอย่าง Emporium, EmQuartier, EmSphere และ Terminal 21 รวมถึงคาเฟ่ บาร์ และคอมมูนิตี้สเปซสุดชิคอย่าง The Commons ไม่ว่าจะมาเดินเล่น ช้อปปิ้ง หรือคาเฟ่ฮอปปิ้ง สุขุมวิทมีครบในที่เดียว โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาสถานที่ “ถ่ายแล้วปัง แชร์แล้วดัง” ทำให้สุขุมวิทกลายเป็นย่าน Top of Mind ที่ยังไม่มีใครแทนได้
พระนคร : เมืองเก่าที่เสน่ห์ไม่เคยจาง
รองแชมป์คือ “พระนคร” ซึ่งมีการพูดถึงมากถึง 27.8% ย่านนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความคลาสสิกของกรุงเทพฯ ได้อย่างเหนียวแน่น วัดพระแก้ว ภูเขาทอง และพระบรมมหาราชวัง ยังคงเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ปรากฏอยู่ในคอนเทนต์แนว “Culture” และ “Hidden Gem” อย่างต่อเนื่อง แม้ไม่หวือหวาเท่าสุขุมวิท แต่พระนครกลับโดดเด่นด้วยมนต์เสน่ห์แบบไทยแท้ที่ดึงดูดใจทั้งนักท่องเที่ยวและครีเอเตอร์รุ่นใหม่
ย่านอื่นๆ ที่น่าจับตา
“สยาม” ครองใจวัยรุ่นด้วยบทบาทแหล่งช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์คนเมือง (8.6%) ขณะที่ “เยาวราช” (7.9%) ยังคงเป็นจุดหมายยอดฮิตของสายกิน โดยเฉพาะสตรีทฟู้ดยามค่ำคืน ส่วน “รัชดา–ห้วยขวาง” (7.3%) โดดเด่นในด้านไนท์ไลฟ์และบาร์สุดคึกคัก นอกจากนี้ “ลาดพร้าว - สีลม - ดุสิต” ก็ยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นตลาดท้องถิ่น คาเฟ่สีเขียว หรือร้านอาหาร Fine Dining ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
นักเที่ยวค้นหาแรงบันดาลใจจาก TikTok
ข้อมูลจาก dxt:360 ยังชี้ให้เห็นพฤติกรรมของ “นักเที่ยวโซเชียล” ที่มีรูปแบบการเดินทางแบบ 4D Cycle เริ่มจาก Discover ค้นหาแรงบันดาลใจบน TikTok (58%) ที่วิดีโอสั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของทุกทริป ต่อด้วย Discuss แลกเปลี่ยนความคิดเห็นใน Facebook (30%) ผ่านรีวิวและกลุ่มพูดคุย จากนั้นเข้าสู่ช่วง Decide ที่ตัดสินใจวางแผนจริงจังโดยอาศัยรีวิวยาวหรือ vlog บน YouTube (2%) และปิดท้ายด้วย Deliver การแชร์ประสบการณ์หลังเที่ยวบน Instagram (7%) ที่รูปและรีลสวยๆ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นตามรอยต่อ
นอกจากนี้ ผลวิเคราะห์สะท้อนว่า “ประสบการณ์” คือสินค้าหลักของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ผู้คนเลือกที่เที่ยวจาก “มุมถ่ายรูป” มากกว่าตัวสถานที่เอง TikTok จึงกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่จุดไฟให้ตลาดท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ขณะเดียวกันคอนเทนต์เชิงวัฒนธรรมแม้ไม่ไวรัลเท่าแนวไลฟ์สไตล์ แต่กลับสร้างคุณค่าและภาพจำที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาว แนวโน้ม “Experience Economy” เช่น เวิร์กช็อป งานศิลป์ หรือกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ก็เริ่มเติบโตในกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ต้องการมากกว่าการถ่ายรูปเช็กอิน
แนวทางต่อยอดสำหรับภาครัฐและธุรกิจ
ภาครัฐและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวควรมองหาแนวทางเชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์มเข้ากับวงจร 4D Cycle เช่น การทำแคมเปญ TikTok-first อย่าง #SukhumvitCafeHunt หรือการกระจายความนิยมไปยังย่านรอง เพื่อลดปัญหา “overtourism” ในพื้นที่ฮอต ขณะที่ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ควรออกแบบ “มุมถ่ายรูป Instagrammable” หรือจัดแพ็กเกจ “Experience Tour” ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แบรนด์ รวมถึงร่วมมือกับ micro-influencer เพื่อสร้างการรับรู้แบบจริงใจ ส่วนครีเอเตอร์และเอเจนซี่โฆษณาควรปรับกลยุทธ์การสื่อสาร เช่น การวาง Hook ภายใน 3–5 วินาทีแรก ใช้เสียงเทรนด์ที่เข้ากับแบรนด์ และวัดผลแบบ Funnel โดยใช้ TikTok เป็น Reach, Facebook เป็น Engagement และ YouTube เป็น View Duration
ที่มาข้อมูล : ดาต้าเซ็ต
ที่มารูปภาพ : Getty Images
