ดรามา! ร้านสเต็กดัง เจ้าของห้ามลูกค้าแบ่งกันชิม งงกันไปทั้งบาง

วันนี้ ( 11 มี.ค. 64 )อีกหนึ่งดรามาร้อนในโลกออนไลน์ กรณีสาวคนหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์การไปรับประทานสเต๊กที่ร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่า เจ้าของร้านได้ตรงดิ่งมาต่อว่าลูกค้า เพราะลูกค้าไม่ยอมกินสเต๊กที่สั่งมาแบบคนละจาน แต่กลับมาแชร์กันกิน สาวเจ้าของเรื่องระบายว่า เธอไปกินสเต๊กร้านดังในตัวจังหวัด อาหารที่สั่งมามีสเต๊ก ขนมปังกระเทียม สปาเกตตีคาโบนารา ซึ่งรสชาติก็ดีไม่ผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม เธอให้แฟนชิมอาหารในจานของเธอ และผลัดเปลี่ยนกันชิมอาหารในจานของแฟน แต่ปรากฏว่า เจ้าของร้านเดินมาบอกว่า จะทำแบบนั้นไมได้ จะกินอาหารแบบนี้ต้องจานใครจานมันเท่านั้น ทางร้านห้ามทำแบบนี้ นี่เป็นอาหารโฮมเมด พร้อมกับพูดด้วยเสียงดุดัน

"เรากับแฟนเลยเรียกเช็กบิลเพื่อตัดรำคาญ แม้ว่าจะกินไปนิดเดียว โฮมเมดนี่คือ ทานกับแฟนไม่ได้ด้วยเหรอคะ"

เมื่อเธอโพสต์เรื่องนี้เสร็จสรรพ ก็มีคนมาร่วมแชร์ประสบการณ์อันเลวร้ายจากการไปรับประทานอาหารที่ร้านนี้ด้วยเช่นกัน เช่น จะสั่งขนมปังปิ้งเนยน้ำตาล ขอเพิ่มนมแต่ร้านทำให้ไม่ได้ และมาติว่าอย่ามาเปลี่ยนเมนู , ลูกค้าจะสั่งน้ำ แต่เจ้าของร้านบอกว่า ห้ามสั่งน้ำ อยากสั่งน้ำไปกินตามคาเฟ่โน่น นี่มันร้านสเต๊ก รวมไปถึงการที่เจ้าของร้านเอ็ดลูกวัย 3 ขวบของลูกค้าว่าไม่มีมารยาท เพราะไปยืนมองตุ๊กตาเซรามิก ทั้งที่เด็กยืนดูเฉย ๆ ไม่ได้ไปจับหรือทำอะไร

นอกจากนี้ ยังมีคนเข้ามาบอกว่า ครั้งหนึ่งเคยไปรับประทานอาหารที่ร้านนี้ สั่งสเต๊กกับผักโขมอบชีสไป แต่เจ้าของร้านบอกว่าห้ามสั่งคู่กัน ถ้าอยากกินสเต๊กกับผักโขมอบชีสให้ไปที่ร้านอื่น

รวมไปถึงลูกค้าคนหนึ่ง ที่เผยว่า เคยไปกินอาหารที่ร้านนี้ สั่งมา 4-5 อย่าง แต่สั่งสเต็กแค่คนเดียว แต่ทางเจ้าของร้านกลับออกมาตำหนิว่า ทำอย่างนี้ไม่ได้ ไม่มีจานแบ่ง และห้ามกินสเต๊กของเพื่อน ร้านเป็นอาหารโฮมเมด กฎภายในร้านเป็นแบบนี้ เธอเลยไม่เอาและจะลุกออกไปเพราะทางร้านยังไม่ทำอาหาร แต่มีการพูดตามหลังว่า ถ้าลุกไปแบบนี้ต้องปรับเงินนะ หัวละ 250

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังมีอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจ ในเรื่องการรับประทานอาหารฝรั่งของคนไทย เช่น คนไทยจะคุ้นชินกับการซื้ออาหารแล้วมาแบ่งกันกิน แต่ฝรั่งเวลาทานอาหารจะกินของใครของมัน จานใครจานมัน ไม่มีการแบ่งกันทาน หรืออาหารบางอย่าง ถ้านำมากินคู่กัน จะสูญเสียรสชาติของอาหารจานหลักไป แต่การพูดจากระแทกของเจ้าของร้านใส่ลูกค้า ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ดี

ภายหลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นข่าวออกไป ก็มีคนไปเปิดวาร์ปทางร้าน และกลายเป็นว่ามีคนเข้าไปให้คะแนนรีวิวจนติดลบ และปัจจุบันทางร้านก็ปิดเพจเฟซบุ๊กของร้านไปแล้ว