การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2024-25 รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี รับการมาเยือนของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ที่สนาม จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังเกมแรก อินเตอร์ บุกไปเสมอกับ บาร์ซ่า อย่างสุดมันส์ 3-3
นัดนี้ อินเตอร์ ยังจัดทีมชุดใหญ่ลงเล่นเต็มพิกัดเหมือนเดิม เกมรุกนำโดย มาร์กคุส ตูราม และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ยืนเป็นกองหน้าคู่กัน ขณะที่แดนกลางยังเป็นกลุ่มผู้เล่นเดิมๆ ได้แก่ นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ขณะที่ทีมเยือนอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ เป็นหลัก นำโดย เฟร์ราน ตอร์เรส, ลามีน ยามาล, ดานี่ โอลโม่ และ ราฟินญ่า ขณะที่กองหน้าตัวเก่งอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟกี้ กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองได้อีกครั้ง
เกมสนุกตื่นเต้นตั้งแต่ครึ่งแรกทันที และเป็น อินเตอร์ มิลาน ที่ทำได้ดีกว่า หลังออกนำไปก่อนถึง 2-0 จากการยิงของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตั้งแต่นาทีที่ 21 ก่อนจะมาได้ประตูที่สองจากลูกจุดโทษ ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เมื่อ เปา กูบาร์ซี่ กองหลังของ บาร์ซ่า ไปเสียบใส่ข้อเท้าของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ซึ่งหลังจากที่ผู้ตัดสินได้ดู วีเออาร์ แล้วก็ชี้ให้เป็นจุดโทษของทีมงูใหญ่ทันที ก่อนที่ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู จะสังหารไม่พลาด ช่วยให้ อินเตอร์ นำ 2-0 หลังจบครึ่งแรก
สรุปข่าว
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2024-25 รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี รับการมาเยือนของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ที่สนาม จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังเกมแรก อินเตอร์ บุกไปเสมอกับ บาร์ซ่า อย่างสุดมันส์ 3-3
นัดนี้ อินเตอร์ ยังจัดทีมชุดใหญ่ลงเล่นเต็มพิกัดเหมือนเดิม เกมรุกนำโดย มาร์กคุส ตูราม และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ยืนเป็นกองหน้าคู่กัน ขณะที่แดนกลางยังเป็นกลุ่มผู้เล่นเดิมๆ ได้แก่ นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ขณะที่ทีมเยือนอย่าง บาร์เซโลน่า ก็ยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ เป็นหลัก นำโดย เฟร์ราน ตอร์เรส, ลามีน ยามาล, ดานี่ โอลโม่ และ ราฟินญ่า ขณะที่กองหน้าตัวเก่งอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟกี้ กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองได้อีกครั้ง
เกมสนุกตื่นเต้นตั้งแต่ครึ่งแรกทันที และเป็น อินเตอร์ มิลาน ที่ทำได้ดีกว่า หลังออกนำไปก่อนถึง 2-0 จากการยิงของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ตั้งแต่นาทีที่ 21 ก่อนจะมาได้ประตูที่สองจากลูกจุดโทษ ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก เมื่อ เปา กูบาร์ซี่ กองหลังของ บาร์ซ่า ไปเสียบใส่ข้อเท้าของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ซึ่งหลังจากที่ผู้ตัดสินได้ดู วีเออาร์ แล้วก็ชี้ให้เป็นจุดโทษของทีมงูใหญ่ทันที ก่อนที่ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู จะสังหารไม่พลาด ช่วยให้ อินเตอร์ นำ 2-0 หลังจบครึ่งแรก
เกมทำท่าว่าจะเข้าทาง อินเตอร์ มิลาน ที่สกอร์รวมนำห่าง 5-3 แล้ว แต่ บาร์เซโลน่า ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ฮึดตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 ในครึ่งหลัง โดยได้ประตูตีไข่แตกจาก เอริก การ์เซีย ในนาทีที่ 54 และหลังจากนั้นอีก 6 นาที ดานี่ โอลโม่ ก็ทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้สกอร์รวมกลับมาเท่ากันที่ 5-5
เท่านั้นยังไม่พอ บาร์ซ่า พลิกขึ้นนำ 3-2 ในช่วงนาทีที่ 87 จากการทำประตูของ ราฟินญ่า ที่ยิงชอตแรกไปติดเซฟ ยานน์ ซอมเมอร์ แต่ก็ยังตามซ้ำเข้าไปจนได้ กลายเป็นประตูสำคัญที่อาจส่ง บาร์เซโลน่า เข้ารอบชิงชนะเลิศ
อย่างไรก็ตาม อินเตอร์ ตามตีเสมอได้ก่อนจะหมดเวลาอย่างน่าเหลือเชื่อ จากจังหวะที่ เดนเซล ดุมฟรีส์ ได้บอลทางฝั่งขวา ก่อนผ่านเข้าเขตโทษให้ ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ กองหลังของทีม ตวัดยิงเข้าเสาแรกไปอย่างสวยงาม ทำให้ครบ 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกัน 3-3 รวมผลสองนัดเสมอกันอยู่ 6-6 ต้องไปตัดสินกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 99 อินเตอร์ มิลาน ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 4-3 จากจังหวะที่ มาร์กคุส ตูราม พยายามหาช่องจากทางกราบขวา ก่อนจะผ่านให้ เมห์ดี้ ตาเรมี่ ที่หาจังหวะยิงไม่ได้ จึงไหลบอลต่อให้ ดาวิเด้ ฟรัตเตซี่ จับบอลและยิงด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำเอาแฟนบาร์ซ่าที่ตามมาเชียร์ต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
หลังจากนั้น บาร์ซ่า พยายามบุกอย่างหนัก และเกือบจะตีเสมอได้ในช่วงท้ายของการต่อเวลา โดยในนาทีที่ 114 ยามาล หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจะหาจังหวะยิงด้วยซ้าย บอลกำลังจะเสียบเสาไกล แต่ถูก ยานน์ ซอมเมอร์ ปัดบอลทิ้งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ทำให้ครบ 120 นาที อินเตอร์ มิลาน พลิกล็อกเอาชนะ บาร์เซโลน่า ไปอย่างสุดมันส์ 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังเสมอกันใน 90 นาทีที่ 3-3 รวมผลสองนัด งูใหญ่ ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 7-6 ผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะรอเจอผู้ชนะระหว่าง เปแอสเช หรือ อาร์เซน่อล ที่จะแข่งขันเลกที่สองกันในคืนวันพุธที่ 7 พฤษภาคมนี้
ผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ยานน์ ซอมเมอร์ : ยานน์ บิสเซ็ค, ฟรานเชสโก้ อาแชร์บี้, อเลสซานโดร บาสโตนี่ : เดนเซล ดุมฟรีส์, นิโกโล่ บาเรลล่า, ฮาคาน ชัลฮาโนลู, เฮนริค มคิทาร์ยาน, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก : มาร์กคุส ตูราม, เลาตาโร่ มาร์ติเนซ
บาร์เซโลน่า (4-2-3-1) : วอยเช็ก เชสนี่ : เอริก การ์เซีย, เปา กูบาร์ซี่, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เคราร์ด มาร์ติน : เฟรงกี้ เดอ ยอง, เปดรี้ : ลามีน ยามาล, ดานี่ โอลโม่, ราฟินญ่า : เฟร์ราน ตอร์เรส
