ผลบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2024/25 รอบชิงชนะเลิศ : สิ้นสุดการรอคอย 17 ปี สเปอร์ส เฉือน แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2024-25 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทำได้สำเร็จ หลังเฉือน แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูชัยของ เบรนแนน จอห์นสัน ในช่วงปลายครึ่งแรก และเป็นการยิงเข้ากรอบเพียงครั้งเดียวในเกมนี้ของไก่เดือยทอง คว้าแชมป์มาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังครั้งล่าสุดคือการคว้าแชมป์ ลีก คัพ เมื่อปี 2008
ครึ่งแรก ผ่านไปได้เพียง 10 นาที สเปอร์ส ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ สกัดบอลไม่ดี ไปเข้าทาง เบรนแนน จอห์นสัน พาบอลมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะเปิดเข้ากลาง อังเดร โอนาน่า ปัดออกมาไม่ขาด ทำให้ ป๊าป ซาร์ กองกลางของ สเปอร์ส ได้ยิงจากแถวสอง แต่สุดท้ายไปติดบล็อกของ แม็คไกวร์ ที่ตามกลับมาป้องกันได้ทัน
หลังจากนั้น เกมกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่คอนโทรลไว้ได้เกือบหมด และในนาทีที่ 16 ทีมปีศาจแดงก็ได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม อาหมัด ดิยัลโล่ พาบอลไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะกึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่บอลผ่านหน้าปากประตูไปแบบได้ลุ้น
ถัดจากนั้นนาทีที่ 22 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสอีกครั้ง เมื่อ อาหมัด พาบอลมาทางฝั่งขวา ก่อนจะไหลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่สอดเข้ามารับบอล แล้วปาดเข้ากลาง แต่บอลไปเข้ามือ กิเยลโม่ วิคาริโอ นายทวารของ สเปอร์ส เสียก่อน
นาทีที่ 39 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นอีกครั้งจาก อาหมัด ที่ลาดบอลตัดจากขวาเข้ากลาง ก่อนจะยิงด้วยซ้ายแต่บอลยังคงไปตรงตัว วิคาริโอ อย่างไรก็ตาม อีก 3 นาทีต่อมา สเปอร์ส ที่แทบไม่ได้โอกาสลุ้นเลยนั้น กลับชิงจังหวะขึ้นนำก่อนจนได้ เมื่อ ป๊าป ซาร์ ได้บอลทางฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดไปหน้าประตูให้ แบรนแนน จอห์นสัน ที่พยายามโฉบเข้าหาบอลแต่ไม่โดน แต่ยังโชคดีที่บอลไปโดนแขนของ ลุค ชอว์ กระเด้งกลับไปที่หน้าประตู และเป็น จอห์นสัน ที่ดีดโดนบอลแบบบางๆ เข้าประตูไปจนได้ ขณะที่ โอนาน่า พยายามพุ่งปัดแล้วแต่ไม่ทัน ทำให้ สเปอร์ส ออกนำก่อน 1-0 และเป็นประตูเดียวในครึ่งแรก
สรุปข่าว
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2024-25 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทำได้สำเร็จ หลังเฉือน แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 จากประตูชัยของ เบรนแนน จอห์นสัน ในช่วงปลายครึ่งแรก และเป็นการยิงเข้ากรอบเพียงครั้งเดียวในเกมนี้ของไก่เดือยทอง คว้าแชมป์มาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังครั้งล่าสุดคือการคว้าแชมป์ ลีก คัพ เมื่อปี 2008
ครึ่งแรก ผ่านไปได้เพียง 10 นาที สเปอร์ส ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ สกัดบอลไม่ดี ไปเข้าทาง เบรนแนน จอห์นสัน พาบอลมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะเปิดเข้ากลาง อังเดร โอนาน่า ปัดออกมาไม่ขาด ทำให้ ป๊าป ซาร์ กองกลางของ สเปอร์ส ได้ยิงจากแถวสอง แต่สุดท้ายไปติดบล็อกของ แม็คไกวร์ ที่ตามกลับมาป้องกันได้ทัน
หลังจากนั้น เกมกลายเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่คอนโทรลไว้ได้เกือบหมด และในนาทีที่ 16 ทีมปีศาจแดงก็ได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม อาหมัด ดิยัลโล่ พาบอลไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะกึ่งยิงกึ่งผ่าน แต่บอลผ่านหน้าปากประตูไปแบบได้ลุ้น
ถัดจากนั้นนาทีที่ 22 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสอีกครั้ง เมื่อ อาหมัด พาบอลมาทางฝั่งขวา ก่อนจะไหลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่สอดเข้ามารับบอล แล้วปาดเข้ากลาง แต่บอลไปเข้ามือ กิเยลโม่ วิคาริโอ นายทวารของ สเปอร์ส เสียก่อน
นาทีที่ 39 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นอีกครั้งจาก อาหมัด ที่ลาดบอลตัดจากขวาเข้ากลาง ก่อนจะยิงด้วยซ้ายแต่บอลยังคงไปตรงตัว วิคาริโอ อย่างไรก็ตาม อีก 3 นาทีต่อมา สเปอร์ส ที่แทบไม่ได้โอกาสลุ้นเลยนั้น กลับชิงจังหวะขึ้นนำก่อนจนได้ เมื่อ ป๊าป ซาร์ ได้บอลทางฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดไปหน้าประตูให้ แบรนแนน จอห์นสัน ที่พยายามโฉบเข้าหาบอลแต่ไม่โดน แต่ยังโชคดีที่บอลไปโดนแขนของ ลุค ชอว์ กระเด้งกลับไปที่หน้าประตู และเป็น จอห์นสัน ที่ดีดโดนบอลแบบบางๆ เข้าประตูไปจนได้ ขณะที่ โอนาน่า พยายามพุ่งปัดแล้วแต่ไม่ทัน ทำให้ สเปอร์ส ออกนำก่อน 1-0 และเป็นประตูเดียวในครึ่งแรก
ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายครองบอลแทบจะฝ่ายเดียว และพยายามบุกเพื่อทำประตูเป็นระยะ นาทีที่ 48 อาหมัด ดิยัลโล่ ได้โอกาสเปิดเข้ากลาง ไปถึง ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้โหม่ง แต่บอลข้ามคานออกไป
จากนั้นนาทีที่ 48 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกทางฝั่งขวา บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดมาเสาแรกให้ เลนี่ โยโร่ ดีดโดนบอลบางๆ แต่ วิคาริโอ ยังเซฟได้ ก่อนที่นักเตะ สเปอร์ส จะช่วยเคลียร์ทิ้งออกมา
นาทีที่ 68 เป็นจังหวะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะตีเสมอได้ เมื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดฟรีคิกยาวมากลางประตู วิคาริโอ รับบอลกระฉอกลอยออกมาเข้าทาง ฮอยลุนด์ ได้โหม่ง บอลกำลังจะลอยเข้าประตูโล่งๆ แต่ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น กองหลังของ สเปอร์ส กระโดดเตะสกัดออกจากเส้นได้อย่างเหลือเชื่อ
ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามโหมบุกอย่างหนัก นาทีที่ 71 นูซแซร์ มาซราอวี เปิดบอลจากขวาเข้ากลางให้ บรูโน่ สอดขึ้นมาโหม่งแต่บอลหลุดกรอบออกไป จากนั้นอีก 3 นาที อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองได้บอลทางฝั่งซ้าย ก่อนจะล็อกเข้าขวา และบรรจงยิงกะให้เสียบเสาสอง แต่ วิคาริโอ ยังเซฟได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 7 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ยังได้ลุ้นอีก 3 ครั้ง จากลูกยิงไกลนอกเขตโทษของ โยโร่ ในนาทีที่ 94 แต่บอลข้ามคานออกไป จากนั้นนาทีที่ 96 ดีโอโก้ ดาโลต์ เปิดบอลเข้ากลางประตูให้ ลุค ชอว์ ได้โหม่งเต็มๆ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของ วิคาริโอ
ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นอีกครั้งจากเตะมุม ก่อนจะเปิดไปเสาสอง แต่ กาเซมิโร่ และ การ์นาโช่ ไม่เข้าใจกัน และไปแย่งกันยิง ทำให้บอลไปเข้าข้างตาข่าย ทำให้จบเกม สเปอร์ส เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 คว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก มาครองได้เป็นสมัยที่ 3 ของสโมสร นอกจากนี้ยังเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังครั้งล่าสุดเป็นแชมป์ ลีก คัพ เมื่อปี 2008 พร้อมยังได้สิทธิ์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าด้วย
ผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
สเปอร์ส (4-2-3-1) : กูเยลโม่ วิคาริโอ : เปโดร ปอร์โร่, คริสเตียน โรเมโร่, มิคกี้ ฟาน เดอ เฟ่น, เดสตินี่ อูโดกี้ : อีฟส์ บิสซูม่า, โรดริโก้ เบนตานกูร์ : เบรนแนน จอห์นสัน, ป๊าป ซาร์, ลิชาร์ลิซอน : โดมินิก โซลันกี้
แมนฯ ยูไนเต็ด (3-4-2-1) : อังเดร โอนาน่า : เลนี่ โยโร่, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ : นูซแซร์ มาซราอวี, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, กาเซมิโร่, แพทริก ดอร์กู : อาหมัด ดิยัลโล่, เมสัน เมาท์ : ราสมุส ฮอยลุนด์
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : Tottenham Hotspur Official
