
ในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ มีนักเตะหลายคนที่อยู่ในข่ายที่น่าจะต้องย้ายทีม และหนึ่งในนั้นย่อมต้องมีชื่อของ วิคเตอร์ โอซิเมน อย่างไม่ต้องสงสัย
หากพูดถึงกองหน้าตัวเป้าที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในชั่วโมงนี้ ไม่ว่าไปถามใคร ก็ต้องมีชื่อของ โอซิเมน รวมอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน แต่ที่น่าประหลาดก็คือกองหน้ารายนี้ไม่น่าจะมีอนาคตแล้วกับ นาโปลี ต้นสังกัดของตัวเอง และเขาน่าจะได้ย้ายทีมค่อนข้างแน่ เพียงแต่จุดหมายปลายทางจะเป็นที่ไหนเท่านั้น
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกองหน้ารายนี้ให้มากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของวงการในเวลานี้
วิคเตอร์ โอซิเมน มีชื่อเต็มๆ ว่า วิคเตอร์ เจมส์ โอซิเมน เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปี 1998 ปัจจบุันมีอายุ 26 ปี เขาเกิดที่เมือง ลากอส ประเทศไนจีเรีย เป็นน้องคนสุดท้องของพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นเด็กไนจีเรียธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชื่นชอบฟุตบอล เติบโตมากับการเล่นฟุตบอลโดยที่มี ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ยอดกองหน้าชาวไอวอรี่ โคสต์ ระดับตำนานเป็นไอดอลคนโปรด
โอซิเมน เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กกับ อัลติเมท สไตรค์เกอร์ อะคาเดมี่ สถาบันฝึกสอนฟุตบอลที่ตั้งอยู่ในเมือง ลากอส จนกระทั่งในเดือนมกราคมปี 2016 ในวันที่เขามีอายุครบ 18 ปีได้ไม่นาน ฟอร์มการเล่นของเขากับทีมชาติไนจีเรียชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ในทัวร์นาเมนท์ชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2015 ไปเตะตาแมวมองของ โวล์ฟสบวร์ก ทีมดังของศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี เข้าอย่างจัง ทำให้เขาได้เซ็นสัญญาย้ายทีมล่วงหน้ากับ โวล์ฟสบวร์ก ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นในศึกบุนเดสลีกาในเดือนมกราคมปี 2017
ในวันที่ 5 มกราคม 2017 โอซิเมน ได้ย้ายมาร่วมทีม โวล์ฟสบวร์ก อย่างเป็นทางการ ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง แต่กว่าจะได้ลงเล่นเกมแรกในบุนเดสลีกาจริงๆ ก็ต้องรอจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม โดยเจ้าตัวได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมที่เสมอกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 1-1
ในฤดูกาล 2016-17 เป็นฤดูกาลที่ โวล์ฟสบวร์ก ต้องเจอกับความยากลำบาก เมื่อต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล โอซิเมน ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในตอนที่เกมเสมอกันอยู่ 1-1 ในเกมที่เจอกับ ฮัมบูร์ก แต่ในช่วงท้ายเกมทีมสิงห์เหนือมาทำประตูชัยได้ และเอาชนะ โวล์ฟสบวร์ก ไปได้ 2-1 ส่งผลให้ทีมหมาป่าต้องตกลงไปเล่นในรอบเพลย์ออฟตกชั้น-เลื่อนชั้นกับ ไอน์ทรัค เบราน์ชไวก์ ก่อนที่ท้ายที่สุดจะเอาตัวรอดมาได้ เมื่อเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-0 รอดพ้นจากการตกชั้นไปได้อย่างหวุดหวิด เท่ากับฤดูกาลแรกของเขากับ โวล์ฟสบวร์ก นั้น โอซิเมน ได้ลงสนามไปเพียง 3 เกมเท่านั้น
ในฤดูกาลถัดมา 2017-18 ก็ยังคงเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากของ โอซิเมน เหมือนเคย เจ้าตัวยังไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงภายในทีมได้ และได้ลงเล่นไปแค่ 13 เกมรวมทุกรายการ ที่สำคัญก็คือยังไม่สามารถทำประตูแรกได้เสียที นั่นทำให้ โวล์ฟสบวร์ก พยายามปล่อยนักเตะออกจากทีมโดยเสนอให้หลายๆ ทีมในลีกเบลเยียมลองนำไปทดสอบฝีเท้า ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเป็น ชาเลอรัว ที่ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2018-19
และที่นี่เองคือจุดเริ่มต้นจริงๆ ของ โอซิเมน ในการแจ้งเกิดบนเวทียุโรป เมื่อเจ้าตัวจัดการระเบิดฟอร์มยิงไป 20 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 36 เกมรวมทุกรายการ แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้ ชาเลอรัว คว้าแชมป์ใดๆ แต่ฟอร์มการเล่นส่วนตัวของเขานั้นน่าประทับใจมาก จนทำให้ ลีลล์ ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร โดยมีโบนัสเพิ่มเติมอีก 3 ล้านยูโรในอนาคต คว้าตัว โอซิเมน ไปร่วมทีมทันที ในเดือนสิงหาคมปี 2019 พร้อมกับเซ็นสัญญายาว 5 ปีด้วยกัน โดยเจ้าตัวได้สวมเสื้อหมายเลข 7 แทนที่ของ ราฟาเอล เลเอา ปีกทีมชาติโปรตุเกสที่ย้ายไปอยู่กับ เอซี มิลาน
การเริ่มต้นใน ลีก เอิง ของ โอซิเมน นั้่นน่าประทับใจมาก หลังย้ายทีมมาได้ราว 10 วันก็ได้ลงเล่นเกมแรกทันทีในวันที่ 11 สิงหาคม ในเกมที่พบกับ น็องต์ ก่อนที่จะเป็นคนทำ 2 ประตู ช่วยให้ ลีลล์ เอาชนะไปได้ 2-1 หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ โอซิเมน ก็ทำอีก 2 ประตูในเกมที่ ลีลล์ ถล่ม แซงต์-เอเตียนน์ 3-0 ทำให้เพียงแค่ 3 นัดแรก โอซิเมน ซัดไปแล้ว 4 ลูก
สรุปข่าว
ในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้ มีนักเตะหลายคนที่อยู่ในข่ายที่น่าจะต้องย้ายทีม และหนึ่งในนั้นย่อมต้องมีชื่อของ วิคเตอร์ โอซิเมน อย่างไม่ต้องสงสัย
หากพูดถึงกองหน้าตัวเป้าที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในชั่วโมงนี้ ไม่ว่าไปถามใคร ก็ต้องมีชื่อของ โอซิเมน รวมอยู่ในนั้นด้วยอย่างแน่นอน แต่ที่น่าประหลาดก็คือกองหน้ารายนี้ไม่น่าจะมีอนาคตแล้วกับ นาโปลี ต้นสังกัดของตัวเอง และเขาน่าจะได้ย้ายทีมค่อนข้างแน่ เพียงแต่จุดหมายปลายทางจะเป็นที่ไหนเท่านั้น
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกองหน้ารายนี้ให้มากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของวงการในเวลานี้
วิคเตอร์ โอซิเมน มีชื่อเต็มๆ ว่า วิคเตอร์ เจมส์ โอซิเมน เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปี 1998 ปัจจบุันมีอายุ 26 ปี เขาเกิดที่เมือง ลากอส ประเทศไนจีเรีย เป็นน้องคนสุดท้องของพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นเด็กไนจีเรียธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชื่นชอบฟุตบอล เติบโตมากับการเล่นฟุตบอลโดยที่มี ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ยอดกองหน้าชาวไอวอรี่ โคสต์ ระดับตำนานเป็นไอดอลคนโปรด
โอซิเมน เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กกับ อัลติเมท สไตรค์เกอร์ อะคาเดมี่ สถาบันฝึกสอนฟุตบอลที่ตั้งอยู่ในเมือง ลากอส จนกระทั่งในเดือนมกราคมปี 2016 ในวันที่เขามีอายุครบ 18 ปีได้ไม่นาน ฟอร์มการเล่นของเขากับทีมชาติไนจีเรียชุดอายุไม่เกิน 17 ปี ในทัวร์นาเมนท์ชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2015 ไปเตะตาแมวมองของ โวล์ฟสบวร์ก ทีมดังของศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี เข้าอย่างจัง ทำให้เขาได้เซ็นสัญญาย้ายทีมล่วงหน้ากับ โวล์ฟสบวร์ก ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ย้ายไปเล่นในศึกบุนเดสลีกาในเดือนมกราคมปี 2017
ในวันที่ 5 มกราคม 2017 โอซิเมน ได้ย้ายมาร่วมทีม โวล์ฟสบวร์ก อย่างเป็นทางการ ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง แต่กว่าจะได้ลงเล่นเกมแรกในบุนเดสลีกาจริงๆ ก็ต้องรอจนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม โดยเจ้าตัวได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเกมที่เสมอกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 1-1
ในฤดูกาล 2016-17 เป็นฤดูกาลที่ โวล์ฟสบวร์ก ต้องเจอกับความยากลำบาก เมื่อต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล โอซิเมน ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในตอนที่เกมเสมอกันอยู่ 1-1 ในเกมที่เจอกับ ฮัมบูร์ก แต่ในช่วงท้ายเกมทีมสิงห์เหนือมาทำประตูชัยได้ และเอาชนะ โวล์ฟสบวร์ก ไปได้ 2-1 ส่งผลให้ทีมหมาป่าต้องตกลงไปเล่นในรอบเพลย์ออฟตกชั้น-เลื่อนชั้นกับ ไอน์ทรัค เบราน์ชไวก์ ก่อนที่ท้ายที่สุดจะเอาตัวรอดมาได้ เมื่อเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 2-0 รอดพ้นจากการตกชั้นไปได้อย่างหวุดหวิด เท่ากับฤดูกาลแรกของเขากับ โวล์ฟสบวร์ก นั้น โอซิเมน ได้ลงสนามไปเพียง 3 เกมเท่านั้น
ในฤดูกาลถัดมา 2017-18 ก็ยังคงเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากของ โอซิเมน เหมือนเคย เจ้าตัวยังไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงภายในทีมได้ และได้ลงเล่นไปแค่ 13 เกมรวมทุกรายการ ที่สำคัญก็คือยังไม่สามารถทำประตูแรกได้เสียที นั่นทำให้ โวล์ฟสบวร์ก พยายามปล่อยนักเตะออกจากทีมโดยเสนอให้หลายๆ ทีมในลีกเบลเยียมลองนำไปทดสอบฝีเท้า ก่อนที่สุดท้ายแล้วจะเป็น ชาเลอรัว ที่ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2018-19
และที่นี่เองคือจุดเริ่มต้นจริงๆ ของ โอซิเมน ในการแจ้งเกิดบนเวทียุโรป เมื่อเจ้าตัวจัดการระเบิดฟอร์มยิงไป 20 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 36 เกมรวมทุกรายการ แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้ ชาเลอรัว คว้าแชมป์ใดๆ แต่ฟอร์มการเล่นส่วนตัวของเขานั้นน่าประทับใจมาก จนทำให้ ลีลล์ ในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ยอมทุ่มเงิน 12 ล้านยูโร โดยมีโบนัสเพิ่มเติมอีก 3 ล้านยูโรในอนาคต คว้าตัว โอซิเมน ไปร่วมทีมทันที ในเดือนสิงหาคมปี 2019 พร้อมกับเซ็นสัญญายาว 5 ปีด้วยกัน โดยเจ้าตัวได้สวมเสื้อหมายเลข 7 แทนที่ของ ราฟาเอล เลเอา ปีกทีมชาติโปรตุเกสที่ย้ายไปอยู่กับ เอซี มิลาน
การเริ่มต้นใน ลีก เอิง ของ โอซิเมน นั้่นน่าประทับใจมาก หลังย้ายทีมมาได้ราว 10 วันก็ได้ลงเล่นเกมแรกทันทีในวันที่ 11 สิงหาคม ในเกมที่พบกับ น็องต์ ก่อนที่จะเป็นคนทำ 2 ประตู ช่วยให้ ลีลล์ เอาชนะไปได้ 2-1 หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ โอซิเมน ก็ทำอีก 2 ประตูในเกมที่ ลีลล์ ถล่ม แซงต์-เอเตียนน์ 3-0 ทำให้เพียงแค่ 3 นัดแรก โอซิเมน ซัดไปแล้ว 4 ลูก
ฤดูกาลแรกของเขากับ ลีลล์ จบลงไปอย่างน่าประทับใจ เมื่อทำไป 18 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 38 เกมรวมทุกรายการ โดยในจำนวนนี้มีศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมอยู่ด้วย แม้ว่า ลีลล์ จะไปได้ไม่ไกล แต่ โอซิเมน ก็ยิงในรายการนี้ได้ 2 ประตูจาก 5 เกม
จากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นทำให้ โอซิเมน คว้ารางวัล "ปรีซ์ มาร์ก-วิเวียน โฟเอ้" ประจำปี 2020 ซึ่งเป็นรางวัลที่จะมอบให้กับผู้เล่นชาวแอฟริกันที่ค้าแข้งในฝรั่งเศส ที่มีฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลีลล์ ที่เป็นการโหวตจากแฟนบอลอีกด้วย
ด้วยฟอร์มการเล่นสุดร้อนแรง บนวัยเพียง 22 ปี ทำให้ โอซิเมน ได้อยู่กับ ลีลล์ เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น และเป็น นาโปลี ที่ทุ่มเงินมหาศาลถึง 70 ล้านยูโร หรือกว่า 2,650 ล้านบาท โดยที่มีเงื่อนไขสามารถเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 80 ล้านยูโร คว้าตัวกองหน้าไนจีเรียนไปร่วมทีมในเดือนกรกฎาคมปี 2020 ซึ่งค่าตัวดังกล่าว ทำให้ โอซิเมน กลายเป็นนักเตะชาวแอฟริกันที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกทันที
ในวันที่ 17 ตุลาคมปีเดียวกัน โอซิเมน ทำประตูแรกในสีเสื้อของ นาโปลี ได้ ในเกมที่ถล่ม อตาลันต้า ไปขาดลอย 4-1 อย่างไรก็ตาม โอซิเมน มีช่วงที่ต้องพักแข้งไปนานร่วมๆ 3 เดือน หลังได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ระหว่างรับใช้ทีมชาติไนจีเรีย ในศึกแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบคัดเลือก ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน จากนั้นดันไปติดเชื้อโควิด 19 ในช่วงที่ระหว่างการพักฟื้นร่างกายที่บ้านเกิด นั่นทำให้เขาพักยาวไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2021 เลยทีเดียว กว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
นั่นทำให้ฤดูกาลแรกกับ นาโปลี เป็นไปแบบติดขัด แต่กระนั้น โอซิเมน ก็มีผลงานที่ไม่แย่นัก เมื่อทำไป 10 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 30 เกมรวมทุกรายการ ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา ในปี 2021-22 จะเป็นซีซั่นที่ โอซิเมน ผ่านพ้นช่วงปรับตัวอย่างจริงจัง และเข้าสู่ฟอร์มการเล่นที่แท้จริง เมื่อจัดการทำไปอีก 18 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 32 เกมในทุกรายการ แม้ว่า นาโปลี จะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ มาครองได้ แต่ โอซิเมน ก็พา นาโปลี บินสูง จบอันดับที่ 3 ของตาราง เซเรีย อา และคว้าสิทธิ์ไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
มาถึงในฤดูกาลที่ 3 กับ นาโปลี ในซีซั่น 2022-23 นี่คือฤดูกาลที่สุดยอดอย่างแท้จริง และเป็นปีที่ โอซิเมน มีฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในยุโรป เมื่อจัดการถล่มไปถึง 31 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 39 เกมในทุกรายการ ช่วยให้ นาโปลี ผงาดคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปี หลังจากที่ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในฤดูกาล 1989-90 ในยุคสมัยที่มี ดีเอโก้ มาราโดน่า เป็นจอมทัพ และยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของ นาโปลี เป็นสมัยที่ 3 ของพวกเขาด้วย
ส่วนในรายการอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อทำสถิติชนะ 5 แพ้ 1 มี 15 คะแนนในรอบแบ่งกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มเอ โดยในรอบนี้มีเกมที่น่าประทับใจอย่างการถล่ม ลิเวอร์พูล 4-1, บุกถล่ม อาแจ็กซ์ 6-1 หรือการยิง เรนเจอร์ส 3-0 ทั้งไปและกลับ ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็เอาชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต สกอร์รวมสองนัดขาดลอย 5-0 โดย โอซิเมน ทำไปคนเดียว 3 ประตูในรอบนี้ ก่อนจะไปตกรอบด้วยฝีมือของ เอซี มิลาน ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยสกอร์รวมสองนัด 1-2
จากฟอร์มการเล่นที่สุดยอดดังกล่าว ทำให้ นาโปลี ต่อสัญญาใหม่กับ โอซิเมน ทันที ยาวไปถึงปี 2026 พร้อมกับมีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 130 ล้านยูโร เพื่อเป็นการกันท่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปที่กำลังสนใจคว้าตัวกองหน้ารายนี้
อย่างไรก็ตาม หลังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ในซีซั่นถัด 2023-24 มาผลงานของ นาโปลี กลับตกลงไป และมีการเปลี่ยนตัวกุนซือถึง 3 คน ไล่ตั้งแต่ รูดี้ การ์เซีย, วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ และ ฟรานเชสโก้ กัลโซน่า แม้ผลงานส่วนตัวของ โอซิเมน จะไม่ได้แย่นัก แต่ก็ตกลงมาเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังยิงไป 17 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 32 เกมรวมทุกรายการ โดย นาโปลี จบเพียงอันดับที่ 10 ของ เซเรีย อา และไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมือเลยในฤดูกาลนี้
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2024 จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็มาถึง จากการเข้ามาของนายใหญ่คนใหม่อย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ที่แสดงความชัดเจนว่าไม่ต้องการใช้งาน โอซิเมน ในแผนงานของเขา ทำให้มีข่าวลือหนาหูว่า โอซิเมน น่าจะย้ายทีม โดยที่มี อัล อาห์ลี ทีมดังของซาอุดิอาระเบียให้ความสนใจ เช่นเดียวกับทีมในยุโรปอย่าง เชลซี และ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับนักเตะอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม การเจรกับทั้ง อัล อาห์ลี และ เชลซี กลับล้มเหลวทั้งหมด นั่นทำให้ท้ายที่สุดแล้ว โอซิเมน ตัดสินใจย้ายไปเล่นแบบยืมตัว 1 ฤดูกาลกับ กาลาตาซาราย ทีมดังจากลีกตุรกีแทน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ทำให้แฟนๆ ของ กาลาตาซาราย ต้องผิดหวัง เมื่อจัดการระเบิดฟอร์มร้อนแรง ยิงไป 37 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 41 เกมรวมทุกรายการ ช่วยให้ กาลาตาซาราย ผงาดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้ง ซูเปอร์ลีก ตุรกี และ เตอร์กิช คัพ มาครองได้สำเร็จ
แม้ว่าอาจจะไม่มีอนาคตกับ นาโปลี แต่ฟอร์มการเล่นสุดร้อนแรงกับ กาลาตาซาราย ทำให้ โอซิเมน กลับมาเนื้อหอมสุดๆ อีกครั้ง และได้รับความสนใจจากหลายทีมใหญ่ในยุโรป รวมถึง กาลาตาซาราย ก็พร้อมทุ่มเงินตามค่าฉีกสัญญาที่เหลืออีกแค่ปีเดียวที่ 75 ล้านยูโร โดยรอแค่นักเตะตัดสินใจย้ายทีมเท่านั้น
ขณะที่ทีมใหญ่อื่นๆ นั้น โอซิเมน มีข่าวเชื่อมโยงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องการกองหน้าตัวเป้ารายใหม่ด้วยเช่นกัน รวมถึง ยูเวนตุส ที่กำลังจับตามองสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด ส่วน อัล อาห์ลี ที่เคยอยากได้ โอซิเมน ตั้งแต่ซัมเมอร์ปีที่แล้ว ก็มีข่าวลือว่าพร้อมกลับมาไล่ล่าตัวอีกครั้ง
จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือ โอซิเมน ต้องกลับไปที่ นาโปลี ในซัมเมอร์นี้หากยังหาสังกัดใหม่ไม่ได้ ขณะที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ไม่น่าจะใช้งานตัวเขาในฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงแน่ๆ ทำให้การย้ายทีมของ โอซิเมน จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงหน้าร้อนนี้ เพียงแต่จะเกิดขึ้นตอนไหนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่เป็นที่ต้องการของ นาโปลี แล้ว แต่ด้วยฝีเท้าอันฉกาจฉกรรจ์ น่าจะยังทำให้ โอซิเมน ยังเป็นที่หมายปองของอีกหลายๆ ทีม และน่าจะได้ต้นสังกัดใหม่ในไม่ช้า เพียงแต่จะเป็นการค้าแข้งในยุโรปต่อไป หรือจะเลือกย้ายไปรับทรัพย์กับการเล่นในซาอุดิอาระเบียเท่านั้น...
- นาโปลี เตรียมเปิดเจรจาอีกรอบ หวังปิดดีล นูนเญซ ล่าตาข่าย
- ม้าลายยังไม่ถอดใจ ขอคุย 'โอซิเมน' อีกรอบหวังคว้าตัว
- คอนเต้ อยากได้ ฮัดสัน-โอดอย เสริมแกร่ง นาโปลี เพื่อลุย UCL
- นาโปลี สนคว้า กรีลิช ทางฝั่ง แมนฯซิตี้ พร้อมขายแบบขาดทุน
- เดอ บรอยน์ ฝากถึงแฟนนาโปลี หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
- โปรแกรมฟุตบอลวันนี้ วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2568
- 'โอซิมเฮน' พร้อมตัดสินอนาคตกับ กาลาตาซาราย เมษายน นี้
