ส่องประวัติ 'อเล็กซานเดอร์ อิซัค' ดาวยิงจอมขบถคนใหม่ของวงการ

ส่องประวัติ 'อเล็กซานเดอร์ อิซัค' ดาวยิงจอมขบถคนใหม่ของวงการ

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อีกหนึ่งข่าวที่น่าฮือฮาในวงการฟุตบอลคือเรื่องของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าผิวสีทีมชาติสวีเดนของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ออกมาประกาศว่าเขาจะไม่ขอลงเล่นให้กับทีมสาลิกาดงอีกต่อไป และต้องการย้ายออกจากทีมเพียงสถานเดียวเท่านั้น

แม้ว่าจะไม่ได้บอกว่าจะย้ายไปไหน แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่แสดงความสนใจและอยากได้กองหน้ารายนี้ไปร่วมทีม นั่นคือ ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั่นเอง

สถานการณ์ล่าสุดในเวลานี้คือเข้าขั้นแตกหัก แม้ว่า นิวคาสเซิ่ล จะยืนยันว่าไม่มีทางที่จะขายนักเตะในซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน และ อิซัค ก็กลับมารายงานตัวที่สโมสร แต่ปฏิเสธที่จะลงเล่นเกมช่วงปรีซีซั่นร่วมกับทีม รวมถึงปฏิเสธที่จะลงสนามในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า

เรื่องราวการย้ายทีมครั้งนี้จะจบลงอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อ แต่วันนี้เราจะมาส่องประวัติของ อิซัค กันหน่อยว่า เส้นทางอาชีพที่ผ่านของเขานั้นเป็นมาอย่างไร และทำไมเขาถึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของวงการ ณ นาทีนี้

อเล็กซานเดอร์ อิซัค เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ปี 1999 ที่เมืองโซลนา ประเทศสวีเดน เป็นหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลกฟุตบอล ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ สง่างาม มีความเร็วที่น่าทึ่ง และทักษะการเล่นที่เฉียบคม ทำให้เขามักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ตำนานกองหน้าชาวสวีเดนรุ่นพี่ ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมในสมัยที่ อิซัค ยังเป็นดาวรุ่งนั้น จึงได้รับฉายาจากบรรดาสื่อมวลชนว่า "Black Zlatan"

วัยเด็กและการเริ่มต้นบนเส้นทางลูกหนัง

อิซัค เติบโตในครอบครัวชาวเอริเทรีย (ประเทศเล็กๆ ในแถบตะวันออกของทวีปแอฟริกา) ที่ย้ายมาตั้งรกรากในสวีเดน เขาแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และเริ่มเข้าร่วมอะคาเดมี่ของสโมสร เอไอเค โซลนา หรือในอีกชื่อคือ เอไอเค สต็อกโฮล์ม ซึ่งเป็นสโมสรประจำเมืองเกิดของเขาตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ เขาใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในระบบเยาวชนของเอไอเค และสร้างความประทับใจให้กับโค้ชและแมวมองอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนสูงที่เกินกว่าเด็กในวัยเดียวกันและทักษะการเล่นที่เหนือชั้น เขากลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นอย่างรวดเร็ว

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 ด้วยวัยเพียง 16 ปี อิซัคถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของเอไอเค โซลนา และลงประเดิมสนามในรายการสวีดิชคัพ ในนัดที่พบกับ เทนฮุลท์ส ไอเอฟ เขาทำประตูได้ทันทีในนัดนั้น ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับสโมสรในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนเมษายน เขาก็ลงประเดิมสนามในลีกสูงสุดของสวีเดน (Allsvenskan) และทำประตูได้อีกครั้ง ในเกมที่เอาชนะ ออสเตอร์ซุนด์ 2-0 โดย อิซัค เป็นคนยิงประตูปิดท้ายของเกม ทำให้เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ของลีกสูงสุดสวีเดน ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับอีก 199 วัน

ผลงานอันน่าทึ่งในฤดูกาลแรกของเขากับทีมชุดใหญ่ ทำให้ชื่อของอิซัคเป็นที่จับตามองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจบฤดูกาลที่เขาทำประตูไปถึง 13 ประตู จาก 29 นัดในทุกรายการ ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาคืออนาคตของวงการฟุตบอลสวีเดน

สรุปข่าว

ส่องประวัติ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ยอดกองหน้าที่กำลังจะกลายเป็นจอมขบถคนใหม่ของวงการ

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อีกหนึ่งข่าวที่น่าฮือฮาในวงการฟุตบอลคือเรื่องของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าผิวสีทีมชาติสวีเดนของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ออกมาประกาศว่าเขาจะไม่ขอลงเล่นให้กับทีมสาลิกาดงอีกต่อไป และต้องการย้ายออกจากทีมเพียงสถานเดียวเท่านั้น

แม้ว่าจะไม่ได้บอกว่าจะย้ายไปไหน แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามีแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่แสดงความสนใจและอยากได้กองหน้ารายนี้ไปร่วมทีม นั่นคือ ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั่นเอง

สถานการณ์ล่าสุดในเวลานี้คือเข้าขั้นแตกหัก แม้ว่า นิวคาสเซิ่ล จะยืนยันว่าไม่มีทางที่จะขายนักเตะในซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน และ อิซัค ก็กลับมารายงานตัวที่สโมสร แต่ปฏิเสธที่จะลงเล่นเกมช่วงปรีซีซั่นร่วมกับทีม รวมถึงปฏิเสธที่จะลงสนามในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า

เรื่องราวการย้ายทีมครั้งนี้จะจบลงอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อ แต่วันนี้เราจะมาส่องประวัติของ อิซัค กันหน่อยว่า เส้นทางอาชีพที่ผ่านของเขานั้นเป็นมาอย่างไร และทำไมเขาถึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของวงการ ณ นาทีนี้

อเล็กซานเดอร์ อิซัค เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ปี 1999 ที่เมืองโซลนา ประเทศสวีเดน เป็นหนึ่งในกองหน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดในโลกฟุตบอล ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ สง่างาม มีความเร็วที่น่าทึ่ง และทักษะการเล่นที่เฉียบคม ทำให้เขามักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ตำนานกองหน้าชาวสวีเดนรุ่นพี่ ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมในสมัยที่ อิซัค ยังเป็นดาวรุ่งนั้น จึงได้รับฉายาจากบรรดาสื่อมวลชนว่า "Black Zlatan"

วัยเด็กและการเริ่มต้นบนเส้นทางลูกหนัง

อิซัค เติบโตในครอบครัวชาวเอริเทรีย (ประเทศเล็กๆ ในแถบตะวันออกของทวีปแอฟริกา) ที่ย้ายมาตั้งรกรากในสวีเดน เขาแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และเริ่มเข้าร่วมอะคาเดมี่ของสโมสร เอไอเค โซลนา หรือในอีกชื่อคือ เอไอเค สต็อกโฮล์ม ซึ่งเป็นสโมสรประจำเมืองเกิดของเขาตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ เขาใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในระบบเยาวชนของเอไอเค และสร้างความประทับใจให้กับโค้ชและแมวมองอย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนสูงที่เกินกว่าเด็กในวัยเดียวกันและทักษะการเล่นที่เหนือชั้น เขากลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นอย่างรวดเร็ว

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2016 ด้วยวัยเพียง 16 ปี อิซัคถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของเอไอเค โซลนา และลงประเดิมสนามในรายการสวีดิชคัพ ในนัดที่พบกับ เทนฮุลท์ส ไอเอฟ เขาทำประตูได้ทันทีในนัดนั้น ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับสโมสรในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนเมษายน เขาก็ลงประเดิมสนามในลีกสูงสุดของสวีเดน (Allsvenskan) และทำประตูได้อีกครั้ง ในเกมที่เอาชนะ ออสเตอร์ซุนด์ 2-0 โดย อิซัค เป็นคนยิงประตูปิดท้ายของเกม ทำให้เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ของลีกสูงสุดสวีเดน ด้วยวัยเพียง 16 ปีกับอีก 199 วัน

ผลงานอันน่าทึ่งในฤดูกาลแรกของเขากับทีมชุดใหญ่ ทำให้ชื่อของอิซัคเป็นที่จับตามองจากสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจบฤดูกาลที่เขาทำประตูไปถึง 13 ประตู จาก 29 นัดในทุกรายการ ทำให้หลายคนเชื่อว่าเขาคืออนาคตของวงการฟุตบอลสวีเดน

ก้าวสู่ฟุตบอลต่างแดน : โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (2017–2019)

ในเดือนมกราคม ปี 2017 ด้วยวัยเพียง 17 ปี อเล็กซานเดอร์ อิซัค ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตการค้าแข้ง ด้วยการเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ซึ่งเป็นสโมสรที่ขึ้นชื่อเรื่องการพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแข่งขันที่สูงทำให้ อิซัค ไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก ส่วนใหญ่ลงเล่นให้ทีมกับทีมชุดบี และมีโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ เพียงแค่ 13 เกมเท่านั้น ทำได้เพียง 1 ประตู ตลอดช่วง 2 ปีที่อยู่กับทีมเสือเหลือง 

ทำให้ในเดือนมกราคม ปี 2019 อิซัค ถูกปล่อยให้ไปเล่นแบบยืมตัวกับสโมสร วิลเล่ม ทเว ใน เอเรดิวีซี่ เนเธอร์แลนด์ การย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะที่ วิลเล่ม ทเว เขาได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องและระเบิดฟอร์มทำประตูได้อย่างถล่มทลาย เขายิงไปถึง 13 ประตู จาก 16 นัดในลีก ทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลและได้รับความสนใจจากสโมสรชั้นนำอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่นต่างชาติคนแรกที่ยิงได้ 12 ประตูจากการลงสนาม 12 เกมแรกในลีกดัตช์

แจ้งเกิดเต็มตัวกับ เรอัล โซเซียดาด (2019–2022)

หลังหมดสัญญายืมตัวกับ วิลเล่ม ทเว แม้จะทำผลงานได้ดี แต่ ดอร์ทมุนด์ ไม่สนใจที่จะปั้น อิซัค ต่อ ก่อนจะตัดสินใจขายให้กับ เรอัล โซเซียดาด ในลา ลีกา สเปน ด้วยค่าตัวประมาณ 6.5 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่แท้จริงในอาชีพของเขา อิซัค สามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นในสเปน ที่เน้นเทคนิคและความคล่องแคล่วได้อย่างรวดเร็ว

ในฤดูกาล 2019-20 ซึ่งเป็นซีซั่นแรก อิซัค ในวัย 20 ปี ลงสนามให้กับ เรอัล โซเซียดาด ในฐานะตัวหลักของทีมทันที เขาทำไปถึง 16 ประตูจาก 45 นัดในทุกรายการ และเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ได้สำเร็จ หลังเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา คู่ปรับร่วมแคว้นไปอย่างเฉียดฮิว 1-0 ซึ่งเป็นแชมป์แรกในรอบ 34 ปีของสโมสร

จากนั้นในฤดูกาล 2020-21 ฤดูกาลนี้เป็นปีที่ อิซัค โดดเด่นที่สุดกับ โซเซียดาด เขากลายเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมและทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการยิงไปถึง 17 ประตู จาก 34 นัดใน ลา ลีกา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าอันดับต้นๆ ของลีก และเป็นที่จับตามองจากสโมสรชั้นนำทั่วยุโรป

ในปีถัดมา ในฤดูกาล 2021-22 แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนในบางช่วง แต่เขาก็ยังคงเป็นกองหน้าที่อันตรายของทีม เขายิงไป 10 ประตูจาก 41 นัดในทุกรายการ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ดีเท่ากับปีที่ผ่านๆ มา แต่ก็ยังเป็นผลงานที่ช่วยรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่อยู่กับ เรอัล โซเซียดาด อิซัค ได้พัฒนาตัวเองจากดาวรุ่งพรสวรรค์สู่กองหน้าที่ครบเครื่องและเป็นที่ต้องการในตลาดนักเตะ เขามีสถิติยิงไปทั้งสิ้น 44 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 132 นัดในทุกรายการให้กับ โซเซียดาด

แนวรุกคนสำคัญแห่ง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (2022–ปัจจุบัน)

ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ปี 2022 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มทุนใหม่จากซาอุดิอาระเบีย และกำลังเดินหน้าสร้างทีมเพื่อกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ ได้ทุ่มเงินก้อนโตเพื่อคว้าตัว อิซัค มาร่วมทีม ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 70 ล้านยูโรรวมโบนัส ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ ขณะนั้น

ในฤดูกาล 2022-23 ฤดูกาลแรกของ อิซัค กับ นิวคาสเซิ่ล นั้นเริ่มต้นอย่างน่าประทับใจ เขาลงประเดิมสนามในเกมกับ ลิเวอร์พูล และสามารถยิงประตูได้ทันที แต่หลังจากนั้นเขาก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ต้นขา ทำให้ต้องพักรักษาตัวไปเกือบสองเดือน แม้จะกลับมาลงสนามได้ในช่วงท้ายฤดูกาล แต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็ยังไม่เข้าที่นัก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังสามารถยิงไป 10 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 27 นัดในทุกรายการ ซึ่งถือเป็นผลงานที่ไม่เลวสำหรับฤดูกาลแรกที่ต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บ และยังช่วยให้ทีมสาลิกาดงจบอันดับ 4 ของตาราง คว้าสิทธิ์ไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกด้วย

ต่อจากนั้นในฤดูกาล 2023-24 อิซัคกลับมาพร้อมกับความฟิตสมบูรณ์และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริง เขากลายเป็นกองหน้าตัวหลักที่ขาดไปไม่ได้ของทีม ภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว ด้วยความเร็วที่น่าทึ่งและการจบสกอร์ที่เฉียบคม เขาสามารถสร้างความอันตรายให้กับคู่แข่งได้อย่างสม่ำเสมอ เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในพรีเมียร์ลีก ด้วยการยิงไปถึง 21 ประตู จาก 30 นัด และ 25 ประตูจาก 40 เกมในทุกรายการ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ทำประตูได้มากที่สุดในลีก แม้ว่าในฤดูกาลนี้ นิวคาสเซิ่ล จะยังคงไม่มีแชมป์อะไรติดมือ และจบเพียงอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น

จากนั้นในฤดูกาล 2024-25 หรือในฤดูกาลที่แล้ว อิซัค ยังคงมีผลงานที่ยอดเยี่ยม และยังทำประตูได้มากกว่าเดิม เขาพิสูจน์ตัวเองในพรีเมียร์ลีกได้อย่างแท้จริง และกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในลีก เขาทำไปถึง 23 ประตูจาก 34 เกมในลีก พาทีมจบอันดับที่ 5 ของตารางและคว้าสิทธิ์ไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกครั้ง และยิงไปทั้งหมด 27 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 42 นัดในทุกรายการ

ที่สำคัญที่สุดคือการพา นิวคาสเซิ่ล เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในเกม ลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ครั้งแรกของทีมสาลิกาดงนับตั้งแต่ปี 1969

ผลงานกับทีมชาติสวีเดน

อเล็กซานเดอร์ อิซัค เริ่มต้นเส้นทางกับทีมชาติสวีเดนตั้งแต่ชุดเยาวชน และได้รับโอกาสลงประเดิมสนามในนามทีมชาติสวีเดนชุดใหญ่ ในเดือนมกราคม ปี 2017 ในเกมกระชับมิตรกับไอวอรี่โคสต์ ด้วยวัยเพียง 17 ปี 109 วัน เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามให้กับทีมชาติสวีเดน

หลังจากนั้นไม่นาน ในเกมกับสโลวะเกีย เขาก็ทำประตูแรกให้กับทีมชาติได้ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับทีมชาติสวีเดนอีกด้วย อิซัค เป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของทีมชาติสวีเดนมาโดยตลอด เขาได้ลงเล่นในรายการสำคัญต่างๆ เช่น ศึกยูโร 2020 ที่เลื่อนมาแข่งในปี 2021 และ ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก แม้ว่าสวีเดนจะไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้ แต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็ยังคงโดดเด่นและเป็นความหวังของแฟนบอลสวีเดนในอนาคต โดย อิซัค ทำสถิติยิงไปแล้ว 16 ประตูจาก 52 เกมในนามทีมชาติ

นี่คือเส้นทางอาชีพของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน แต่ในเวลานี้ อาจจะมีจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังเจ้าตัวกำลังพยายามดื้อแพ่งที่จะขอย้ายออกจาก นิวคาสเซิ่ล ให้ได้ หลังรู้ว่ากำลังได้รับความสนใจจาก ลิเวอร์พูล ซึ่งการกระทำของเจ้าตัวสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล เป็นอย่างมาก และหลายฝ่ายก็มองว่า อิซัค ไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ เพราะเขายังเหลือสัญญากับทีมอีก 3 ปีเต็มๆ แม้จะอยากย้ายทีมแค่ไหน แต่ก็ควรจะปฏิบัติตัวให้เป็นมืออาชีพมากกว่านี้

ต้องติดตามดูกันต่อไปว่ามหากาพย์เรื่องการย้ายทีมของ อิซัค ในซัมเมอร์นี้จะจบลงอย่างไร ลิเวอร์พูล จะยอมทุ่มเงินเกินกว่า 120 ล้านปอนด์ เพื่อเป็นค่าตัวของ อิซัค หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยก็คือ อิซัค คือหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในยุคนี้ ด้วยอายุที่ยังน้อยเพียงว 25 ปี และศักยภาพที่ยังพัฒนาได้อีกมาก ทำให้ใครก็ตามที่มีเขายืนล่าประตูในแดนหน้า จะทำให้สโมสรนั้นๆ มีลุ้นความสำเร็จได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน...

⚽คอฟุตบอลไม่ควรพลาด! แพ็กเกจ NOW FOOTBALL ดูบอลครบทั้งลีก และถ้วยยุโรปชั้นนำ อาทิ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูฟ่า ยูโรปา ลีก / ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก / ลาลีกา / บุนเดสลีกา / เซเรีย อา และอีกมากมายกว่า 2,000 แมตช์ ตลอดฤดูกาล 2025/26

📲สมัครและดูได้แล้ววันนี้ รายเดือน และ รายฤดูกาล

📌Now Football 199 บาท/เดือน (1 จอ ดูได้ทุกอุปกรณ์) สมัครเลยคลิก : https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/ijb35jhp

📌Now Football Season Pass 1,789 บาท/ฤดูกาล (1 จอ ดูได้ทุกอุปกรณ์) ถึง 31 สิงหาคม 68 เท่านั้น สมัครเลยคลิก : https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/k86qgmqx

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : AFP