
จากผลงานการคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ทำได้ตามเป้าหมาย
แม้จะต้องออกแรงเหนื่อย หายใจไม่ทั่วท้อง ในเกมนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก ที่กว่าเราจะชนะ มาเลเซีย ก็เล่นเอาเกมเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนจะเป็น คคนะ คํายก สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยส่งทีมเข้าไปลุยในรอบสุดท้ายได้สำเร็จ
การแข่งขันในวันนั้นราวกับว่าเขียนสคริปเอาไว้ให้กับ คคนะ คํายก ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว สมกับชื่อของเขาที่เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่าท้องฟ้า เพราะนอกจาก 2 ประตูที่เหมาคนเดียวในเกมชนะ มาเลเซีย 2-1 เขายังเป็นหัวใจสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้ จากที่กำลังจะตกรอบ เปลี่ยนเป็นฟ้าหลังฝนที่สดใสเพราะทีมชาติไทยได้ไปต่อ
ด้วยผลงานที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไต่เต้าจากเยาวชนขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของต้นสังกัดอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และการรับใช้ทีมชาติในระดับเยาวชนทุกชุด ไล่มาตั้งแต่ตั้งแต่รุ่น 12 ปี เราขอพาแฟนๆทุกท่านไปทำความรู้จักกับเด็กคนนี้ให้มากขึ้น
ประวัติ คคนะ คํายก
"ซีโฟร์" คคนะ คำยก เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ในจังหวัดปทุมธานี เขาเป็นเด็กที่หลงรักการเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ โดยที่ไม่รู้ว่านี่คือกีฬาที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาในอนาคต จากพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ฝีเท้าเกินวัย ทำให้ครอบครัวพร้อมซัพพอร์ตและพาเขาไปร่วมคัดตัวกับสถาบันชื่อดังเพื่อเป็นใบเบิกทาง
สรุปข่าว
จากผลงานการคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ทำได้ตามเป้าหมาย
แม้จะต้องออกแรงเหนื่อย หายใจไม่ทั่วท้อง ในเกมนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก ที่กว่าเราจะชนะ มาเลเซีย ก็เล่นเอาเกมเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ก่อนจะเป็น คคนะ คํายก สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยส่งทีมเข้าไปลุยในรอบสุดท้ายได้สำเร็จ
การแข่งขันในวันนั้นราวกับว่าเขียนสคริปเอาไว้ให้กับ คคนะ คํายก ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว สมกับชื่อของเขาที่เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่าท้องฟ้า เพราะนอกจาก 2 ประตูที่เหมาคนเดียวในเกมชนะ มาเลเซีย 2-1 เขายังเป็นหัวใจสำคัญกับการแข่งขันรายการนี้ จากที่กำลังจะตกรอบ เปลี่ยนเป็นฟ้าหลังฝนที่สดใสเพราะทีมชาติไทยได้ไปต่อ
ด้วยผลงานที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไต่เต้าจากเยาวชนขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของต้นสังกัดอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และการรับใช้ทีมชาติในระดับเยาวชนทุกชุด ไล่มาตั้งแต่ตั้งแต่รุ่น 12 ปี เราขอพาแฟนๆทุกท่านไปทำความรู้จักกับเด็กคนนี้ให้มากขึ้น
ประวัติ คคนะ คํายก
"ซีโฟร์" คคนะ คำยก เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ในจังหวัดปทุมธานี เขาเป็นเด็กที่หลงรักการเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ โดยที่ไม่รู้ว่านี่คือกีฬาที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาในอนาคต จากพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ฝีเท้าเกินวัย ทำให้ครอบครัวพร้อมซัพพอร์ตและพาเขาไปร่วมคัดตัวกับสถาบันชื่อดังเพื่อเป็นใบเบิกทาง
คคนะ คํายก ในวัยเด็ก
เมื่อ คคนะ อายุได้ 10 ขวบ เขาได้โอกาสเข้าร่วมในโครงการ "ช้าง ซอคเกอร์ สคูล" ที่จะเดินสายคัดเลือกเด็กๆฝีเท้าดีจากทั่วทุกภูมิภาคมารวมตัวกัน ซึ่ง คคนะ ตัดสินใจไปเข้าร่วมคัดตัวในโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ในโรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา
หลังได้โอกาสเขาก็ต่อยอดด้วยการโชว์เพลงแข้งที่โดดเด่นเกินวัย เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆนี่คือเพชรน้ำดีที่รอวันเจียระนัยให้ส่องประกายแวววับ สุดท้ายเขาได้คัดเลือกให้เป็นเด็กในโครงการช้างเผือก ของโรงเรียนอัสสัมชัญ สถาบันที่ปลุกปั้นนักเตะป้อนสู่ระดับทีมชาติไทยมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธีระศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น หรืออีกหลายต่อหลายคน
การได้เป็นเด็กในโครงการช้างเผือก ทำให้เขาได้ช่วยให้ครอบครัวลดภาระค่าใช้จ่าย เพราะมาพร้อมกับทุนการศึกษา เรียนฟรี แถมยังสามารถมุ่งสมาธิแน่วแน่กับการพัฒนาศาสตร์ลูกหนังของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะเด็กๆเหล่านี้จะได้เข้าสู่ระบบกิน-นอนที่โรงเรียน ทำให้เขาได้เรียนรู้คำว่าระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม การดูแลตัวเองทั้งในและนอกสนาม หรือแม้กระทั่งการพักผ่อนที่ถูกต้อง
ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้โอกาสเข้าร่วมทดสอบฝีเท้ากับอีกหนึ่งโครงการที่ให้โอกาสเด็กไทยอย่าง "โตโยต้า จูเนียร์คัพ" ภายใต้การทำทีมของ "เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ที่จะเดินสายไปคัดเลือกเด็กๆจากทุกภูมิภาคของประเทศไทยเช่นกัน เพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น ในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี
โดย คคนะ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกคัดเลือก ร่วมกับ โอลุวะเฟมี อนพัช โยเซฟ อาเซ่, อรรถพล แสงทอง และคนอื่นๆรวมแล้วกว่า 24 ชีวิตในชุดนั้น ก่อนจะออกไปสร้างชื่อด้วยการนำถ้วยแชมป์กลับประเทศ หลังบุกไปปราบเด็กๆญี่ปุ่นถึงถิ่น
ขอแอบโม้นิดนึงว่าผมเองก็ได้โอกาสไปเดินสายทำข่าวการคัดตัวของทีมชุดนั้น และได้เห็นฝีเท้าของเด็กคนนี้กับตาตัวเองที่มันเต็มไปด้วยพรสวรรค์ การจ่ายบอลแต่ละครั้งของเขามันผ่านการคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี
ว่าแล้วก็ทำให้นึกถึงตัวเองในตอน 10 ขวบ ที่ตอนนั้นได้แต่เล่นขายของ กระโดดยาง ซ่อนแอบ หรือหมากเก็บ เพราะมันเป็นกิจกรรมความบันเทิงที่ได้ทำร่วมกับเพื่อนต่างเพศ แอบเสียดายเวลาเพราะแทนที่จะไปซ้อมบอลให้เป็นประโยชน์กับตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าให้ย้อนกลับไปแล้วถามว่าจะทำแบบเดิมไหม ก็ขอตอบสั้นๆเลยว่า "ครับ!"
กลับมาที่ คคนะ แม้นอกสนามจะเป็นเด็กพูดน้อย ขี้อาย แต่ในสนามฟุตบอล บอกได้เลยว่าคนละเรื่อง! ในวัย 13 ปี เด็กชายคคนะ พัฒนาฝีเท้าตัวเองต่อเนื่อง ก่อนจะได้พาโรงเรียนต้นสังกัดอัสสัมชัญ ธนบุรี ลุยศึกช้าง จูเนียร์ คัพ และประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์มาครอง พร้อมกับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม MVP ประจำทัวร์นาเมนต์ ได้สิทธิ์ไปฝึกฟุตบอลระยะสั้นกับสโมสรเอฟเวอร์ตัน ในประเทศอังกฤษ
สิ่งที่ทำให้ คคนะ แตกต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆคือระเบียบวินัย จริงอยู่ที่เขาเป็นเด็กมีพรสวรรค์ แต่หากขาดระเบียบวินัยก็ยากที่จะขึ้นมาประสบความสำเร็จ ย้อนไปในวัย 12 ปี มีเด็กที่ฝีเท้าดีกว่าเขา โดดเด่นกว่าเขา แข็งแกร่ง และตัวโตกว่าเขามากมาย แต่วันเวลาผ่านไปกลับไม่ได้แจ้งเกิด และหล่นหายไปตามกาลเวลา
คคนะ คํายก ไปฝึกฟุตบอลที่สเปน
เมื่อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านี่คือเด็กที่วงการฟุตบอลไทยต้องผลักดัน เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัดสินใจส่งเขาไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมพันธมิตร แอตเลติโก มาดริด ยักษ์ใหญ่ในลาลีกา สเปน โดยมีเพื่อนอย่าง “ยูโร” ธีร์กวิน จันทร์ศรี เดินทางไปด้วยกัน ทำให้เขาได้เปิดโลกฟุตบอลอย่างแท้จริง กับความแตกต่างและความเป็นมืออาชีพของคำว่าระดับโลก และถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขารู้ว่าตัวเองยังห่างไกล ก่อนจะกลับมาพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง
คคนะ คํายก เล่นไทยลีก3 ครั้งแรก
ด้วยฝีเท้าที่พิสูจน์ตัวเองมาในระดับเยาวชน ทำให้เขาได้โอกาสติดทีมชาติไทยมาทุกระดับ ไล่ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ไปจนกระทั่งชุด U19 และก็ถึงเวลาที่เขาจะได้โอกาสเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว ในการวาดลวดลายในเวทีไทยลีก3 กับสโมสรพราม แบงค็อก และ อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ที่เป็นเหมือนทีมชุดเยาวชนของเมืองทองฯ
คคนะ คํายก ขึ้นชุดใหญ่เมืองทอง ยูไนเต็ด
แม้ว่าจะเป็นการเล่นในเวทีไทยลีก3 แต่ก็เป็นโอกาสที่เขาจะได้เก็บประสบการณ์อย่างเต็มที่ด้วยการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ เจอคู่แข่งที่มากหน้าหลายตา ทั้งไทยและต่างชาติ จากนั้นไม่นานในช่วงเลก2 ของฤดูกาล 2022/23 เขาก็ได้รับโอกาสครั้งสำคัญกับการก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด
ภายใต้การคุมทัพของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่เห็นในความสามารถของเด็กคนนี้ แม้อายุยังน้อยเพียงแค่ 19 ปี แต่เขาก็ได้โอกาสลงเล่นกับรุ่นพี่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ตลอดครึ่งซีซั่นหลังเขาได้ลงสนามไป 6 นัด โดยเกมแรกที่ได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงคือนัดที่บุกชนะ ลำปาง เอฟซี 5-1
หลังจบซีซั่นนั้น เขารู้ดีว่าตัวเองจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป ก่อนจะยกระดับไปอีกขั้น และกลับมาพร้อมรับความท้าทายครั้งใหม่ตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นกับต้นสังกัด โดยเฉพาะในเกมอุ่นเครื่องที่ลงมาเป็นตัวสำรองทีเด็ด ทำ 2 แอสซิสต์ ช่วยให้ทีมเอาชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 4-1
เข้าสู่ฤดูกาล 2024/25 เมืองทอง ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของ จิโน่ เล็ตติเอรี่ กุนซือมากฝีมือชาวอิตาลี คคนะ คำยก กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมทันที แม้อายุยังน้อยเพียงแค่ 20 ปี แต่ฝีเท้าและทัศนคติในการเล่นฟุตบอลเกินวัย
คคนะ คํายก ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ครั้งแรก
ด้วยผลงานที่โดดเด่นทำให้ มาซาทาดะ อิชิอิ ตัดสินใจเรียกตัว คคนะ คำยก ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2024 โดยมาแทนที่ของ สุภโชค สารชาติ ที่ถอนตัวจากอาการบาดเจ็บ ไปลุยศึกฟุตบอลอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ "LP Bank Cup 2024" ที่ประเทศเวียดนาม ต่อเนื่องด้วยการเป็น 1 ใน 23 นักเตะทีมชาติไทย ชุดแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 50 ที่จังหวัดสงขลา
ในขณะที่การลงเล่นกับต้นสังกัด เมืองทองฯ เขาได้รับอิสระตรงกลางสนามจาก จิโน่ แถมยังห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนร่วมทีมที่ส่วนใหญ่วัยใกล้เคียงกัน ทำให้เล่นได้อย่างเป็นตัวเองและเขาขารู้ใจกันเป็นอย่างดี
คคนะ คํายก คว้าราวัลดาวรุ่งแห่งปีจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
จบซีซั่นนั้นเขาจัดการซัดไป 10 ประตู จากการลงสนามไปถึง 35 นัด พาทีมจบอันดับ6 ของตาราง ส่งให้คว้ารางวัลนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี (Young Player of the Year) จากการประกาศในงาน FA Thailand Awards 2024/25
ด้วยอายุและผลงานที่ทำไว้ ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือดาวดวงใหม่ของวงการฟุตบอลไทย ก็ได้แต่หวังว่าน้องคนนี้จะรักษาระเบียบวินัยที่ดีของตัวเองเอาไว้เพื่อพัฒนาฝีเท้าต่อไปเรื่อยๆ เพราะนี่เพิ่งจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น อนาคตยังมีความสำเร็จให้ไล่ล่าอีกเพียบ ขออย่างเดียวคือไปให้สุดฝัน เล่นฟุตบอลให้สนุกเหมือนวันแรกที่รู้สึกกับมัน
เพราะว่ากันตามตรงแล้วนี่ไม่ใช่เด็กพรสวรรค์สูงของวงการฟุตบอลไทยคนแรก ที่ผ่านมามีเด็กฝีเท้าดีหลายต่อหลายคนที่ถูกตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะเป็นอนาคตของชาติ แต่สุดท้ายกับไม่สามารถผ่านช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่จะเป็นบทพิสูจน์คนว่าจะไปได้ไกลขนาดไหน
มีเด็กมากมายที่ขึ้นมาแล้วดับไปอย่างรวดเร็วเหมือนพลุดอกไม้ไฟที่ถูกจุด ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจให้กับเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี และไม่อยากให้น้องต้องแบกความหวังเอาไว้บนบ่าในแบบที่หนักเกินไป ขอแค่เป็นตัวเองที่มีวินัยแบบนี้ต่อไป เป็นกำลังใจให้ แล้ววันหนึ่งเราจะรอดูความสำเร็จของเขาในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติไทย
ที่มาข้อมูล : siamsport
ที่มารูปภาพ : FA Thailand
