ประวัติ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : กำแพงเหล็กแห่งแอนฟิลด์!

ประวัติ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : กำแพงเหล็กแห่งแอนฟิลด์!

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2025-26 "รอบลีกเฟส" นัดแรก เมื่อคืนที่ผ่านมา(17 กันยายน) ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ สนามแอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการดวลกันของเจ้าถิ่น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมฟอร์มแรงที่ชนะรวด 4 นัดในลีก เปิดบ้านรับการมาเยือนของคู่ปรับจอมแสบ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ทีมจอมเคี่ยวจากสเปน

เกมเหมือนจะเข้าทาง "หงส์แดง" หลังจากออกนำอย่างรวดเร็ว 2-0 ในช่วง 6 นาทีแรก ประตูแรกมาจากจังหวะฟรีคิกของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ชาวอียิปต์ ที่ยัดไปแฉลบขา แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายจอมบุก เข้าไปประตู(นาทีที่ 4) เเละประตูที่ 2 มาจากจังหวะ ไรอัน กราเฟนแบร์ค แตะบอลให้ ซาลาห์ ตะลุยแหวกแผงแนวรับ "ตราหมี" เข้าไปยิงอย่างเฉียบคม 

หลังจากนั้น "หงส์แดง" เดินหน้าบดขยี้อย่างต่อเนื่องเพื่อหวังประตูที่ 3 แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้และมาพลาดเสียประตู 1-2 ในนาทีที่ 45+ จากจังหวะทิ้งตัวยิงเร็วของ มาร์กอส ยอเรนเต้ ผ่านมือ อลิสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปตุงตาข่าย! ส่งผลให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำ แอตฯ มาดริด 2-1

กลับมาสู่ครึ่งหลัง แอตเลติโก มาดริด พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ "หงส์แดง" อย่างต่อเนื่อง และความพยายามก็เป็นผลโดย "ตราหมี" สามารถตามตีเสมอได้เป็น 2-2 จากจังหวะที่ ยอเรนเต้ ยิงแฉลบ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูในนาทีที่ 81 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องกลับมาเร่งเกมบุกอีกครั้งในช่วงท้ายเกม

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยการแบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม แต่ทว่าในช่วงทดเวลานาทีที่ 90+2 จากจังหวะเตะมุม! โดมินิค โซโบซไล กองกลางจอมอึด เปิดบอลเข้าหัว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังจอมแกร่ง โหม่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล เบียดเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ไปแบบหวุดหวิด 3-2 และเป็นอีกครั้งที่ "หงส์แดง" ได้ประตูสำคัญจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์



สรุปข่าว

ฟาน ไดค์ คือกองหลังระดับโลกที่ประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและส่วนบุคคล คว้าแชมป์ใหญ่ครบทั้ง พรีเมียร์ลีก, แชมเปียนส์ลีก, เอฟเอคัพ, และแชมป์สโมสรโลก พร้อมคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมมากมาย และติดทีมยอดเยี่ยมแทบทุกสถาบันต่อเนื่องหลายปี

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2025-26 "รอบลีกเฟส" นัดแรก เมื่อคืนที่ผ่านมา(17 กันยายน) ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ สนามแอนฟิลด์ ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการดวลกันของเจ้าถิ่น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมฟอร์มแรงที่ชนะรวด 4 นัดในลีก เปิดบ้านรับการมาเยือนของคู่ปรับจอมแสบ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ทีมจอมเคี่ยวจากสเปน

เกมเหมือนจะเข้าทาง "หงส์แดง" หลังจากออกนำอย่างรวดเร็ว 2-0 ในช่วง 6 นาทีแรก ประตูแรกมาจากจังหวะฟรีคิกของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ชาวอียิปต์ ที่ยัดไปแฉลบขา แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายจอมบุก เข้าไปประตู(นาทีที่ 4) เเละประตูที่ 2 มาจากจังหวะ ไรอัน กราเฟนแบร์ค แตะบอลให้ ซาลาห์ ตะลุยแหวกแผงแนวรับ "ตราหมี" เข้าไปยิงอย่างเฉียบคม 

หลังจากนั้น "หงส์แดง" เดินหน้าบดขยี้อย่างต่อเนื่องเพื่อหวังประตูที่ 3 แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้และมาพลาดเสียประตู 1-2 ในนาทีที่ 45+ จากจังหวะทิ้งตัวยิงเร็วของ มาร์กอส ยอเรนเต้ ผ่านมือ อลิสซง เบ็คเกอร์ เข้าไปตุงตาข่าย! ส่งผลให้จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ออกนำ แอตฯ มาดริด 2-1

กลับมาสู่ครึ่งหลัง แอตเลติโก มาดริด พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ "หงส์แดง" อย่างต่อเนื่อง และความพยายามก็เป็นผลโดย "ตราหมี" สามารถตามตีเสมอได้เป็น 2-2 จากจังหวะที่ ยอเรนเต้ ยิงแฉลบ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เปลี่ยนทางเข้าประตูในนาทีที่ 81 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องกลับมาเร่งเกมบุกอีกครั้งในช่วงท้ายเกม

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยการแบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม แต่ทว่าในช่วงทดเวลานาทีที่ 90+2 จากจังหวะเตะมุม! โดมินิค โซโบซไล กองกลางจอมอึด เปิดบอลเข้าหัว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังจอมแกร่ง โหม่งเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล เบียดเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ไปแบบหวุดหวิด 3-2 และเป็นอีกครั้งที่ "หงส์แดง" ได้ประตูสำคัญจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์



ประวัติส่วนตัว

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (Virgil van Dijk) เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 ที่เมืองเบรดา ประเทศเนเธอร์แลนด์ เขาเป็นลูกครึ่งดัตช์–ซูรินาเมตั้งแต่กำเนิด เติบโตมาในครอบครัวธรรมดา ก่อนจะหันมาสนใจฟุตบอลอย่างจริงจังในวัยเด็ก ช่วงแรกที่เล่นนั้น เขามักถูกจับไปยืนตำแหน่งแบ็กขวา แต่ด้วยร่างกายสูงใหญ่และมีพละกำลังเหนือเพื่อนรุ่นเดียวกัน โค้ชจึงค่อย ๆ ขยับเขามายืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ซึ่งต่อมากลายเป็นบทบาทที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกให้เขาในที่สุด  


เส้นทางอาชีพ

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เริ่มต้นอาชีพกับทีมเยาวชนของ วิลเลม ทเว ก่อนจะย้ายไป โกรนิงเก้น ในปี 2010 ที่นี่เองเขาได้ประเดิมสนามทีมชุดใหญ่ในเอเรดิวิซี และเริ่มแสดงศักยภาพการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น จากนั้นในปี 2013 ฟาน ไดจ์ค ย้ายไป กลาสโกว์ เซลติก ในลีกสกอตแลนด์ และคว้าแชมป์มาครองได้ 2 สมัย ก่อนจะกลายเป็น "กองหลัง" ที่ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป จนกระทั่งปี 2015 ย้ายมาสู่เวที พรีเมียร์ลีก เพื่อร่วมทัพ เซาธ์แฮมป์ตัน  

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ส่งผลให้ เจ้าตัว เจอจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตเมื่อปี 2018 หลังจาก ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินมหาศาล(75 ล้านปอนด์) เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมในยุค เยอร์เกน คล็อป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน กลายเป็นสถิติโลกสำหรับกองหลังในขณะนั้น และเขาก็ตอบแทนความเชื่อมั่นด้วยการพาทีม “หงส์แดง” คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2019 ตามด้วยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ที่แฟน ๆ รอคอยมานานถึง 30 ปี  


ผลงานและความสำเร็จ : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

กลาสโกว์ เซลติก (Celtic)

-    สกอตติช พรีเมียร์ลีก: 2013–14, 2014–15

-    สกอตติช ลีกคัพ: 2014–15

ลิเวอร์พูล (Liverpool)

-    พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: 2019–20, 2024–25

-    เอฟเอ คัพ: 2021–22

-    ลีกคัพ (EFL Cup): 2021–22, 2023–24; รองแชมป์: 2024–25

-    คอมมูนิตี้ ชิลด์: 2022

-    ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: 2018–19; รองแชมป์: 2017–18, 2021–22

-    ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ: 2019

-    ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ: 2019

รางวัลส่วนตัว

-    นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PFA) : 2018–19

-    ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA (พรีเมียร์ลีก): 2018–19, 2019–20, 2021–22, 2023–24, 2024–25

-    นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล: 2018–19

-    นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก จาก Northwest Football Awards: 2019

-    รางวัล Alan Hardaker Trophy (นักเตะยอดเยี่ยมรอบชิงชนะเลิศลีกคัพ): 2022, 2024

-    นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า (UEFA Men’s Player of the Year): 2018–19

-    กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: 2018–19

-    ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า (UEFA Team of the Year): 2018, 2019, 2020

-    ติดทีมยอดเยี่ยมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2017–18, 2018–19, 2019–20, 2021–22

-    ทีมยอดเยี่ยมรอบชิงเนชันส์ ลีก (UEFA Nations League Finals Team of the Tournament): 2019

-    รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของแฟนลิเวอร์พูล: 2018–19

-    รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลจากเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล: 2018–19

-    นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของเซาแธมป์ตัน: 2015–16

-    ทีมยอดเยี่ยม PFA สกอตแลนด์: 2013–14, 2014–15

-    นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเซลติก (Players’ Player of the Year): 2013–14

-    ทีมยอดเยี่ยม FIFA FIFPRO World 11: 2019, 2020, 2022, 2024

-    ทีมยอดเยี่ยมโลก IFFHS: 2019, 2020, 2022

-    ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกทศวรรษ (Sports Illustrated): 2010–2019

-    ทีมยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษของโลก IFFHS: 2011–2020

-    ทีมยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษของยุโรป IFFHS: 2011–2020

-    ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ ESM: 2018–19, 2019–20, 2021–22, 2023–24

-    นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมแฟนบอลอังกฤษ (FSF Player of the Year): 2019

-    ทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ The Athletic (ยุโรป): 2024–25

-    ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกของ The Athletic: 2024–25

-    ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกจากการโหวตของแฟนบอล: 2024–25



เรื่องน่ารู้เพิ่มเติม

1. ฟาน ไดจ์ค เคยทำงานเป็นพนักงานล้างจานช่วงวัยรุ่น ขณะไล่ตามความฝันนักฟุตบอลอาชีพ  

2. เขาเคยเผชิญภาวะเสี่ยงชีวิตจากการติดเชื้อที่ช่องท้องในปี 2012 ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่และพักฟื้นยาว แต่ก็กลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม  

3. เป็นกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และพาทีมเข้ารอบชิงเนชันส์ ลีก 2019  

4. แม้จะเป็นกองหลัง แต่เขายิงประตูได้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะลูกโหม่ง  

5. ได้รับฉายาจากแฟน ๆ ลิเวอร์พูลว่า “The Colossus” หรือ “มหายักษ์” เพราะความแข็งแกร่งและสง่าผ่าเผยในสนาม  


FAQ: คำถามที่แฟนบอลมักสงสัย  

1. ฟาน ไดจ์ค เคยเล่นตำแหน่งอื่นนอกจากเซ็นเตอร์แบ็กไหม ?  

- ตอนเด็กเขาเคยยืนแบ็กขวา แต่เมื่อร่างกายสูงใหญ่และมีทักษะเกมรับ โค้ชจึงขยับเขามาเป็นกองหลังตัวกลางถาวร  

2. ทำไมค่าตัวของเขาตอนย้ายมาลิเวอร์พูลถึงแพงมาก ?  

- เพราะในขณะนั้น ลิเวอร์พูลกำลังต้องการกองหลังระดับโลกเพื่อยกระดับทีม และฝีเท้าของเขาแสดงให้เห็นชัดว่าเป็นตัวเลือกที่ใช่ที่สุด  

3. ฟาน ไดจ์ค เคยเจ็บหนักไหม ?  

- ใช่ เขาเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (ACL) ในปี 2020 จนต้องพักทั้งฤดูกาล แต่กลับมาฟอร์มดีได้อีกครั้ง ถือว่ามีวินัยและสภาพจิตใจแข็งแกร่งมาก  

4. เขาเป็นกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เมื่อไร ?  

- ได้รับปลอกแขนกัปตันในปี 2018 หลัง โรบิน ฟาน เพอร์ซี และ อาร์เยน ร็อบเบน เลิกเล่นทีมชาติ  

5. จุดเด่นที่ทำให้ฟาน ไดจ์คแตกต่างจากกองหลังทั่วไปคืออะไร ?  

- คือความครบเครื่อง ทั้งความแข็งแรง ความเร็ว การอ่านเกม ความนิ่ง รวมถึงความเป็นผู้นำ ทำให้เขาถูกยกให้เป็นกองหลังเบอร์หนึ่งของโลกช่วงหลายปีที่ผ่านมา  

📲สมัครและดูได้แล้ววันนี้ รายเดือน และ รายฤดูกาล
📌Now Football 199 บาท/เดือน (1 จอ ดูได้ทุกอุปกรณ์) สมัครเลยคลิก : https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/a9jtq3qx
📌Now Football Season Pass 1,789 บาท/ฤดูกาล (1 จอ ดูได้ทุกอุปกรณ์) ถึง 30 กันยายน 68 เท่านั้น สมัครเลยคลิก : https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/nsygsu1i

ที่มาข้อมูล : Wikipedia, Truevisions

ที่มารูปภาพ : AFP