ประวัติ โยชิโนบุ ยามาโมโตะ : ผู้พลิกโฉมวงการพิตเชอร์ญี่ปุ่น

ประวัติ โยชิโนบุ ยามาโมโตะ : ผู้พลิกโฉมวงการพิตเชอร์ญี่ปุ่น



โยชิโนบุ ยามาโมโตะ คือชื่อที่สั่นสะเทือนวงการเบสบอลโลก ไม่ใช่เพราะแชมป์ เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025 ต่อสายตาชาวโลก แต่ประสบความสำเร็จระดับประวัติการณ์ในญี่ปุ่นมาแล้ว ก่อนจะก้าวเข้าสู่เมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) ตลอดเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาคือเครื่องพิสูจน์ถึงพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ความมีวินัยที่ยอดเยี่ยม และสไตล์การขว้างที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด จนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่และ เอซ ของ แอลเอ ด็อดเจอร์ส 


ประวัติส่วนตัว

โยชิโนบุ ยามาโมโตะ (Yoshinobu Yamamoto) เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.. 1998 ที่เมืองบิเซ็น จังหวัดโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มเล่นเบสบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และพัฒนาทักษะการขว้างของเขาอย่างต่อเนื่องในช่วงวัยเรียน ยามาโมโตะไม่ได้มาจากโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงด้านเบสบอลระดับประเทศ แต่เรียนที่โรงเรียนมัธยมมิยาซากิซึ่งเป็นทีมขนาดเล็ก ความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมและพัฒนาเทคนิคการขว้างที่ซับซ้อนด้วยตัวเอง ทำให้ความสามารถเป็นที่ต้องตาของแมวมองมืออาชีพอย่างรวดเร็ว


ความสำเร็จของยามาโมโตะไม่ได้มาจากขนาดร่างกายที่สูงใหญ่เมื่อเทียบกับผู้เล่น MLB ทั่วไป แต่มาจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และความแม่นยำในรูปแบบการขว้าง ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่ง


เส้นทางอาชีพ


ยามาโมโตะเริ่มต้นอาชีพนักเบสบอลอาชีพในญี่ปุ่น (Nippon Professional Baseball - NPB) เมื่อปี 2016 โดยถูกดราฟต์เข้าสู่ทีม Orix Buffaloes เขาใช้เวลาเพียงไม่นานในการปรับตัวและก้าวขึ้นมาเป็นผู้ขว้างตัวจริงระดับท็อปของทีม ช่วงปี 2021 ถึง 2023 คือยุคที่ยามาโมโตะครองความยิ่งใหญ่ในลีกเบสบอลญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ผลงาน่าทึ่งอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน


ยามาโมโตะ คว้ารางวัล "Triple Crown" สำหรับพิตเชอร์ (ทำสถิติชนะ, อัตราเสียรันเฉลี่ย (ERA), และทำสไตรค์เอาต์ได้มากที่สุดในลีก) ได้ถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (2021, 2022, 2023) ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และคว้ารางวัล Eiji Sawamura Award (เทียบเท่ารางวัล Cy Young Award หรือรางวัลพิตเชอร์ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่น) ได้ ปีติดต่อกัน


ยามาโมโตะเป็นกำลังหลักของ Orix ชุดแชมป์ Japan Series และยังเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติญี่ปุ่นคว้าเหรียญทองในการแข่งขัน โอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว และเป็นแชมป์ World Baseball Classic (WBC) ปี 2023


สไตล์ที่โดดเด่น

การขว้างของพิตเชอร์ในเมเจอร์ลีกโดยทั่วไปและพิตเชอร์จากญี่ปุ่นแตกต่างกันด้วยแนวทางและความเชื่อบางอย่าง ทำให้สไตล์การขว้างของยามาโมโตะนั้นโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่ เมเจอร์ ลีก เบสบอล ทำให้เขาเป็นนักขว้างที่คาดเดาได้ยากและมีประสิทธิภาพสูงมาก


ยาามาโมโตะไม่มีการวาดแขนหรือยกขาที่สูงมาก (Windup) แต่มีรูปแบบการขว้างที่รวดเร็วและกระชับแบบ Compact Delivery ช่วยให้ทำวงการขว้างได้อย่างสม่ำเสมอและทำให้ผู้ตีหรือแบ็ตเตอร์จับจังหวะได้ยาก ซึ่งส่วนสูงไม่มีผล ลูก Fastball สามารถทำความเร็วได้ถึง 98-100 ไมล์ต่อชั่วโมง อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดคือลูกสปลิตเตอร์ Splitter สมัยก่อนเรียกกันว่า Split Finger หรือที่เรียกว่าลูกฟอร์คบอล ซึ่งเป็นลูกที่ตกลงอย่างรวดเร็วก่อนถึงโฮมเพลต ทำให้ผู้ตีตีพลาดหรือตีลงพื้น และนอกจากสปลิตเตอร์ยังมีลูก Curveball (ลูกโค้งที่มีวิถีการโค้งที่กว้างและหลอกสายตาผู้ตีได้ดีมาก


ยามาโมโตะมีชื่อเสียงในเรื่องการขว้างแบบ Low Pitch Count ที่ทั้งประหยัดแรงและแม่นยำ เป็นผลมาจากความสามารถในการควบคุมลูกเข้าสไตรค์โซนตั้งแต่ลูกแรก และการทำให้ผู้ตีตีเข้าอินเพลย์ตั้งแต่เนิ่นๆ ทักษะนี้ช่วยให้สามารถขว้างได้ยาวนาน หลายลูก หลายอินนิ่งส์ในแต่ละเกม อย่างที่ปรากฏต่อสายตาในเกม 2 ของ เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025 ที่อยู่ขว้างจนจบเกม 9 อินนิ่งส์ ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก 


ความท้าทายใน MLB และผลงานใน 
World Series

หลังจากโชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมใน NPB ที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์ ยามาโมโตะตัดสินใจย้ายมาเล่นใน MLB และได้เซ็นสัญญามูลค่ามหาศาลกับ แอลเอ ด็อดเจอร์ส ในช่วงนอกฤดูกาล 2023-2024 ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์สำหรับพิตเชอร์ที่ย้ายจากญี่ปุ่นมา MLB


ฤดูกาลแรกของ ยามาโมโตะ กับ ด็อดเจอร์ส เป็นช่วงของการปรับตัว แม้จะเผชิญกับความท้าทายในการเล่นในเมเจอร์ลีก แต่ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และทำหน้าที่เป็นกำลังหลักในทีมบ่อยครั้งในช่วงฤดูกาลปกติ ซึ่งคนที่สนิทสนมด้วยก็คือ เบลค สเนลล์ พิตเชอร์ร่วมทีม 



สรุปข่าว

"โยชิโนบุ ยามาโมโตะ" คือกำลังสำคัญสำหรับแชมป์ เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025 ผู้เคยประสบความสำเร็จระดับประวัติการณ์ในญี่ปุ่นมาแล้ว ก่อนจะก้าวเข้าสู่เมเจอร์ลีกเบสบอล ตลอดเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาคือเครื่องพิสูจน์ถึงพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ความมีวินัยที่ยอดเยี่ยม และสไตล์การขว้างที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด จนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่และ เอซ ของ แอลเอ ด็อดเจอร์ส



โยชิโนบุ ยามาโมโตะ คือชื่อที่สั่นสะเทือนวงการเบสบอลโลก ไม่ใช่เพราะแชมป์ เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025 ต่อสายตาชาวโลก แต่ประสบความสำเร็จระดับประวัติการณ์ในญี่ปุ่นมาแล้ว ก่อนจะก้าวเข้าสู่เมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) ตลอดเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาคือเครื่องพิสูจน์ถึงพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ความมีวินัยที่ยอดเยี่ยม และสไตล์การขว้างที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด จนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่และ เอซ ของ แอลเอ ด็อดเจอร์ส 


ประวัติส่วนตัว

โยชิโนบุ ยามาโมโตะ (Yoshinobu Yamamoto) เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.. 1998 ที่เมืองบิเซ็น จังหวัดโอคายามะ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มเล่นเบสบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และพัฒนาทักษะการขว้างของเขาอย่างต่อเนื่องในช่วงวัยเรียน ยามาโมโตะไม่ได้มาจากโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงด้านเบสบอลระดับประเทศ แต่เรียนที่โรงเรียนมัธยมมิยาซากิซึ่งเป็นทีมขนาดเล็ก ความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อมและพัฒนาเทคนิคการขว้างที่ซับซ้อนด้วยตัวเอง ทำให้ความสามารถเป็นที่ต้องตาของแมวมองมืออาชีพอย่างรวดเร็ว


ความสำเร็จของยามาโมโตะไม่ได้มาจากขนาดร่างกายที่สูงใหญ่เมื่อเทียบกับผู้เล่น MLB ทั่วไป แต่มาจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และความแม่นยำในรูปแบบการขว้าง ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่ง


เส้นทางอาชีพ


ยามาโมโตะเริ่มต้นอาชีพนักเบสบอลอาชีพในญี่ปุ่น (Nippon Professional Baseball - NPB) เมื่อปี 2016 โดยถูกดราฟต์เข้าสู่ทีม Orix Buffaloes เขาใช้เวลาเพียงไม่นานในการปรับตัวและก้าวขึ้นมาเป็นผู้ขว้างตัวจริงระดับท็อปของทีม ช่วงปี 2021 ถึง 2023 คือยุคที่ยามาโมโตะครองความยิ่งใหญ่ในลีกเบสบอลญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ผลงาน่าทึ่งอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน


ยามาโมโตะ คว้ารางวัล "Triple Crown" สำหรับพิตเชอร์ (ทำสถิติชนะ, อัตราเสียรันเฉลี่ย (ERA), และทำสไตรค์เอาต์ได้มากที่สุดในลีก) ได้ถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (2021, 2022, 2023) ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และคว้ารางวัล Eiji Sawamura Award (เทียบเท่ารางวัล Cy Young Award หรือรางวัลพิตเชอร์ยอดเยี่ยมของญี่ปุ่น) ได้ ปีติดต่อกัน


ยามาโมโตะเป็นกำลังหลักของ Orix ชุดแชมป์ Japan Series และยังเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติญี่ปุ่นคว้าเหรียญทองในการแข่งขัน โอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว และเป็นแชมป์ World Baseball Classic (WBC) ปี 2023


สไตล์ที่โดดเด่น

การขว้างของพิตเชอร์ในเมเจอร์ลีกโดยทั่วไปและพิตเชอร์จากญี่ปุ่นแตกต่างกันด้วยแนวทางและความเชื่อบางอย่าง ทำให้สไตล์การขว้างของยามาโมโตะนั้นโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่ เมเจอร์ ลีก เบสบอล ทำให้เขาเป็นนักขว้างที่คาดเดาได้ยากและมีประสิทธิภาพสูงมาก


ยาามาโมโตะไม่มีการวาดแขนหรือยกขาที่สูงมาก (Windup) แต่มีรูปแบบการขว้างที่รวดเร็วและกระชับแบบ Compact Delivery ช่วยให้ทำวงการขว้างได้อย่างสม่ำเสมอและทำให้ผู้ตีหรือแบ็ตเตอร์จับจังหวะได้ยาก ซึ่งส่วนสูงไม่มีผล ลูก Fastball สามารถทำความเร็วได้ถึง 98-100 ไมล์ต่อชั่วโมง อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดคือลูกสปลิตเตอร์ Splitter สมัยก่อนเรียกกันว่า Split Finger หรือที่เรียกว่าลูกฟอร์คบอล ซึ่งเป็นลูกที่ตกลงอย่างรวดเร็วก่อนถึงโฮมเพลต ทำให้ผู้ตีตีพลาดหรือตีลงพื้น และนอกจากสปลิตเตอร์ยังมีลูก Curveball (ลูกโค้งที่มีวิถีการโค้งที่กว้างและหลอกสายตาผู้ตีได้ดีมาก


ยามาโมโตะมีชื่อเสียงในเรื่องการขว้างแบบ Low Pitch Count ที่ทั้งประหยัดแรงและแม่นยำ เป็นผลมาจากความสามารถในการควบคุมลูกเข้าสไตรค์โซนตั้งแต่ลูกแรก และการทำให้ผู้ตีตีเข้าอินเพลย์ตั้งแต่เนิ่นๆ ทักษะนี้ช่วยให้สามารถขว้างได้ยาวนาน หลายลูก หลายอินนิ่งส์ในแต่ละเกม อย่างที่ปรากฏต่อสายตาในเกม 2 ของ เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025 ที่อยู่ขว้างจนจบเกม 9 อินนิ่งส์ ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก 


ความท้าทายใน MLB และผลงานใน 
World Series

หลังจากโชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมใน NPB ที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์ ยามาโมโตะตัดสินใจย้ายมาเล่นใน MLB และได้เซ็นสัญญามูลค่ามหาศาลกับ แอลเอ ด็อดเจอร์ส ในช่วงนอกฤดูกาล 2023-2024 ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์สำหรับพิตเชอร์ที่ย้ายจากญี่ปุ่นมา MLB


ฤดูกาลแรกของ ยามาโมโตะ กับ ด็อดเจอร์ส เป็นช่วงของการปรับตัว แม้จะเผชิญกับความท้าทายในการเล่นในเมเจอร์ลีก แต่ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และทำหน้าที่เป็นกำลังหลักในทีมบ่อยครั้งในช่วงฤดูกาลปกติ ซึ่งคนที่สนิทสนมด้วยก็คือ เบลค สเนลล์ พิตเชอร์ร่วมทีม 




ผู้เล่นยอดเยี่ยม เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025

ต้องยอมรับว่า เส้นทางที่ผ่านมาคือบันไดที่ทำให้วันนี้ ยามาโมโตะ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอาชีพใน MLB และใน เวิลด์ ซีรี่ส์ 2025 ยามาโมโตะกลายเป็นพิตเชอร์คนแรกในรอบหลายสิบปีที่ยืนครบ 9 อินนิ่งส์ ได้ Complete Game ได้ถึงสองเกมในเพลย์ออฟ และเกมที่ 2 ของ เวิลด์ ซีรี่ส์ ที่ปิดท้ายด้วยชัยชนะ 5-1 ของ ด็อดเจอร์ส ตีเสมอ ซีรี่ส์ (1-1) และยังลงเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกม 6 เสียแค่ 1 รันตลอด 6 อินนิ่งส์ ด็อดเจอร์ส ชนะ 5-1 และตีเสมอซีรี่ส์อีกครั้ง (3-3) 
 
เกม 7 ผู้จัดการทีม เดฟ โรเบิร์ตส์ งัดทุกแผน ส่ง โชเฮ โอทานิ ลงเป็นพิตเชอร์ตัวจริง แต่โดนโฮมรันอินนิ่งส์ 3 ต้องรีบเปลี่ยนออก และส่งตัวรีลีฟลงมา ซึ่งในอินนิ่งส์ 9 ก็เป็น ยามาโมโตะ ที่ลงมาอีกครั้ง แม้เพิ่งเป็นตัวจริงไปเมื่อ 24 
ชั่วโมงที่แล้ว


การได้เอ็มวีพีของ ยามาโมโตะ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะ โอทานิ สตาร์ของทีมโดนปิดกั้นทุกทาง ไม่ให้ตีได้ ตั้งแต่เกมแรกๆ และไม่ใช่ความผิดของ โอทานิ ที่แค่เดินถือไม้ลงมา ใครๆ ก็หวาดหวั่น แต่การคว้าเอ็มวีพีของ ยามาโมโตะ ก็ปราศจากข้อกัขาเช่นกัน 


คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ โยชิโนบุ ยามาโมโตะ

Q : โยชิโนบุ ยามาโมโตะ เคยได้รางวัลอะไรที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
A : รางวัล Eiji Sawamura Award (รางวัลพิตเชอร์ยอดเยี่ยมเทียบเท่า Cy Young Award ของญี่ปุ่น) ถึง
สมัยติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน


Q : ลูกขว้างที่อันตรายที่สุดของยามาโมโตะคือลูกแบบใด

A : ลูกขว้างที่อันตรายที่สุดคือ Splitter (สปลิตเตอร์ซึ่งเป็นลูกที่ทำให้แบ็ตเตอร์ตีพลาดและทำสไตรค์เอาต์มากที่สุด


Q : สัญญาของยามาโมโตะกับ ด็อดเจอร์ส มีมูลค่าสูงแค่ไหน

A : สัญญาของ ยามาโมโตะ และ ด็อดเจอร์ส มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ MLB สำหรับพิตเชอร์ที่ย้ายมาจากลีกเบสบอลญี่ปุ่น 325 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,530 ล้านบาท) ระยะเวลา 12 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 877.5 ล้านบาท


Q : สไตล์การขว้างของยามาโมโตะแตกต่างจากพิตเชอร์คนอื่นอย่างไร

A : สไตล์ของยามาโมโตะโดดเด่นที่ กลไกอันแม่นยำ และความสามารถในการขว้างที่น้อยแต่มาก โดยมีลูกสปลิตเตอร์เป็นอาวุธหลัก


โยชิโนบุ ยามาโมโตะ คือตัวแทนของพิตเชอร์ยุคใหม่ที่เน้นการออกบอลด้วยความเร็ว มีความแม่นยำสูง และมีความหลากหลายแบบพิตเชอร์ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับโลก และเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่สามารถทำลายขีดจำกัดทางสถิติ การมาของ ยามาโมโตะ ใน MLB จะเป็นตัวอย่างสำหรับผู้เล่นในอนาคตที่หวังจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกอย่างแท้จริง 

ที่มาข้อมูล : MLB

ที่มารูปภาพ : AFP