ประวัติ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือหัวกะทิที่ผ่านงานยักษ์ใหญ่ของยุโรป

Share on Line Share on Facebook Share on X
ประวัติ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือหัวกะทิที่ผ่านงานยักษ์ใหญ่ของยุโรป

จากประเด็นข่าวที่ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือของสโมสรบาร์เซโลน่า ได้บอกกันคนใกล้ตัวว่าเขารู้สึกเหนื่อยล้ากับการทำงานในถิ่นคัมป์นู อันเนื่องมาจากปัญหาภายในที่นักเตะไม่ทุ่มสมาธิกับการเล่นฟุตบอลเท่าที่ควร


แน่นอนว่ากระแสทุกด้านต่างจับตาไปที่ ลามีน ยามาล เจ้าหนูวัย 18 ปี ที่มีข่าวนอกสนามหลากหลายประเด็น ทั้งเรื่องความรัก และการออกงานปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้ง จนส่งผลกับฟอร์มในสนามที่แม้จะยิงประตูอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าเทียบคุณภาพ ความทุ่มเทจากตอนที่ก้าวขึ้นมาแรกๆมันมีความแตกต่างในแบบที่แฟนบอลสัมผัสได้


เท่านั้นยังไม่พอ บอร์ดบริหารกลับเป็นเหมือนทองไม่รู้ร้อน และยังคงให้การหนุนหลังนักเตะ ในขณะที่ผู้เป็นกุนซือกลับมองว่าเขาควรจะได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ มันเลยทำให้กลายเป็นประเด็นขึ้นมากับการเสียการปกครองภายในทีม 


แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะยังไม่มีบทสรุปอะไร แต่จากทั้งหมดทั้งมวลมันก็ดูจะมีมูลที่ทำให้ประเด็นนี้หลุดออกมา เพราะจากการทำงานของ ฮันซี่ ฟลิค เขาคือกุนซือที่เข้มงวดและต้องการให้ลูกทีมมีวินัยทั้งในและนอกสนาม ซึ่งก็ดูจะสวนทางกับพฤติกรรมนอกสนามของดาวเตะหมายเลข1 ของทีมอย่าง ลามีน ยามาล 


เราขอใช้โอกาสนี้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับกุนซือชาวเยอรมันผู้นี้กันให้มากขึ้น ว่ากว่าที่เขาจะก้าวมาเป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จ ได้โอกาสคุมทีมยักษ์ใหญ่ของทั้งประเทศเยอรมัน และสเปน มีช่วงเวลากอบโกยถ้วยรางวัลอย่างเป็นกอบเป็นกำ เขาจะมีเส้นทางลูกหนังเป็นอย่างไร


ประวัติ ฮันซี่ ฟลิค สมัยเป็นนักเตะ


ฮันซี่ ฟลิค เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965 ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมันตะวันตก เขาได้โอกาสฝึกฟุตบอลกับทีมอคาเดมีท้องถิ่น BSC Mückenloch จากนั้นพออายุได้ 11 ขวบ ก็ย้ายไปอยู่กับ SpVgg Neckargemünd ต่อด้วย SV Sandhausen ในวัย 16 ปี และได้โอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในวั 17 ปี โดยเล่นในตำแหน่งกองกลาง


ผลงานของ ฟลิค โดดเด่นจนได้โอกาสติดทีมชาติเยอรมันตะวันตก ชุดU18 ก่อนจะไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค คว้าตัวไปร่วมทีม ในวัย 20 ปี เขาได้โอกาสลงเล่นให้กับทัพเสือใต้มากกว่า 100 นัด ในช่วงระหว่างปี 1985-1990 คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ไปได้ถึง 4 สมัย

สรุปข่าว

ฮันซี่ ฟลิค (Hansi Flick) เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1965 ที่เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมัน เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังจากทีมท้องถิ่น ก่อนจะโด่งดังกับ บาเยิร์น มิวนิค ในยุค 80s ลงเล่นกว่า 100 นัด คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัย ก่อนแขวนสตั๊ดและผันตัวเป็นโค้ช เส้นทางโค้ชของเขาเริ่มจากทีมเล็กอย่าง วิคตอเรีย แบมเมนทัล และ ฮอฟเฟนไฮม์ ก่อนจะได้เรียนรู้งานระดับสูงกับ โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ที่เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ซึ่งหล่อหลอมให้เขากลายเป็นกุนซือสายเกมรุก ฟลิคแจ้งเกิดเต็มตัวในฐานะ ผู้ช่วยของโยอาคิม เลิฟ กับทีมชาติเยอรมัน ช่วยพาทีมคว้าแชมป์โลกปี 2014 ที่บราซิล หลังจากนั้นเขากลับมารับตำแหน่งกุนซือเต็มตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2019 พาทีมกวาด 3 แชมป์ (บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) ในฤดูกาลเดียว พร้อมสร้างสถิติชนะ 100% ในถ้วยยุโรป ต่อมา ฟลิค รับงานคุม ทีมชาติเยอรมัน ชุดใหญ่ในปี 2021 แต่ผลงานในฟุตบอลโลก 2022 ล้มเหลว ตกรอบแบ่งกลุ่ม และถูกปลดในปี 2023 หลังทีมแพ้ญี่ปุ่นยับ 1-4 ปี 2024 เขาเปิดบทใหม่ในต่างแดนกับ บาร์เซโลน่า กลายเป็นกุนซือเยอรมันคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร และสร้างปรากฏการณ์ด้วยการพาทีมคว้า 3 แชมป์ในประเทศ ตั้งแต่ฤดูกาลแรก แม้ภายหลังจะเริ่มมีแรงกดดันจากปัญหาภายในทีมและข่าวลือเรื่องความเหนื่อยล้าก็ตาม สรุป: ฮันซี่ ฟลิค คือกุนซือที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของยุค ด้วยสไตล์การทำทีมที่เข้มงวด เน้นวินัย เกมรุกดุดัน และเชื่อในพลังของทีมเวิร์ก — เส้นทางจาก “เด็กฝึกบาเยิร์น” สู่ “กุนซือบาร์ซ่า” คือเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเขาอย่างแท้จริง

จากประเด็นข่าวที่ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือของสโมสรบาร์เซโลน่า ได้บอกกันคนใกล้ตัวว่าเขารู้สึกเหนื่อยล้ากับการทำงานในถิ่นคัมป์นู อันเนื่องมาจากปัญหาภายในที่นักเตะไม่ทุ่มสมาธิกับการเล่นฟุตบอลเท่าที่ควร


แน่นอนว่ากระแสทุกด้านต่างจับตาไปที่ ลามีน ยามาล เจ้าหนูวัย 18 ปี ที่มีข่าวนอกสนามหลากหลายประเด็น ทั้งเรื่องความรัก และการออกงานปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้ง จนส่งผลกับฟอร์มในสนามที่แม้จะยิงประตูอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าเทียบคุณภาพ ความทุ่มเทจากตอนที่ก้าวขึ้นมาแรกๆมันมีความแตกต่างในแบบที่แฟนบอลสัมผัสได้


เท่านั้นยังไม่พอ บอร์ดบริหารกลับเป็นเหมือนทองไม่รู้ร้อน และยังคงให้การหนุนหลังนักเตะ ในขณะที่ผู้เป็นกุนซือกลับมองว่าเขาควรจะได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ มันเลยทำให้กลายเป็นประเด็นขึ้นมากับการเสียการปกครองภายในทีม 


แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะยังไม่มีบทสรุปอะไร แต่จากทั้งหมดทั้งมวลมันก็ดูจะมีมูลที่ทำให้ประเด็นนี้หลุดออกมา เพราะจากการทำงานของ ฮันซี่ ฟลิค เขาคือกุนซือที่เข้มงวดและต้องการให้ลูกทีมมีวินัยทั้งในและนอกสนาม ซึ่งก็ดูจะสวนทางกับพฤติกรรมนอกสนามของดาวเตะหมายเลข1 ของทีมอย่าง ลามีน ยามาล 


เราขอใช้โอกาสนี้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับกุนซือชาวเยอรมันผู้นี้กันให้มากขึ้น ว่ากว่าที่เขาจะก้าวมาเป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จ ได้โอกาสคุมทีมยักษ์ใหญ่ของทั้งประเทศเยอรมัน และสเปน มีช่วงเวลากอบโกยถ้วยรางวัลอย่างเป็นกอบเป็นกำ เขาจะมีเส้นทางลูกหนังเป็นอย่างไร


ประวัติ ฮันซี่ ฟลิค สมัยเป็นนักเตะ


ฮันซี่ ฟลิค เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965 ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมันตะวันตก เขาได้โอกาสฝึกฟุตบอลกับทีมอคาเดมีท้องถิ่น BSC Mückenloch จากนั้นพออายุได้ 11 ขวบ ก็ย้ายไปอยู่กับ SpVgg Neckargemünd ต่อด้วย SV Sandhausen ในวัย 16 ปี และได้โอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในวั 17 ปี โดยเล่นในตำแหน่งกองกลาง


ผลงานของ ฟลิค โดดเด่นจนได้โอกาสติดทีมชาติเยอรมันตะวันตก ชุดU18 ก่อนจะไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค คว้าตัวไปร่วมทีม ในวัย 20 ปี เขาได้โอกาสลงเล่นให้กับทัพเสือใต้มากกว่า 100 นัด ในช่วงระหว่างปี 1985-1990 คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ไปได้ถึง 4 สมัย

ฮันซี่ ฟลิค เริ่มต้นงานโค้ช


แม้ว่าจะไม่ได้โอกาสรับใช้ทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ แต่เส้นทางการเป็นนักเตะของเขาก็ถือว่าไปได้สวย หลังผ่านช่วงพีค เขาย้ายจากบาเยิร์น มิวนิค ไปร่วมทีม เอฟซี โคโลญจน์ ในวัย 25 ปี จากนั้นในช่วงบั้นปลายก็ไปอยู่กับ สโมสรวิคตอเรีย แบมเมนทัล ทีมระดับดิวิชั่น5 ของเยอรมัน และได้รับบทบาทโค้ชแอนด์เพลย์เยอร์ ก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดและหันมาทำหน้าที่งานโค้ชเต็มตัว 


แม้ว่าจบฤดูกาล 1997-98 ทีมจะตกชั้น แต่เขาทำงานกับ วิคตอเรีย แบมเมนทัล จนถึงปี 2000 จากนั้นเขาได้โอกาสย้ายไปคุมทีมฮอฟเฟนไฮม์ ที่ในเวลานั้นอยู่ในระดับดิวิชั่น5 ก่อนจะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันทีพร้อมกับเลื่อนชั้นสู่ระดับดิวิชั่น4


ผลงานของ ฟลิค ยังยอดเยี่ยมด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ระดับภูมิภาคและได้โอกาสเข้าไปชิงตั๋วเลื่อนชั้นถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝันเมื่อทีมพลาดโอกาสเลื่อนชั้นสู่ระบบลีกของบุนเดสลีกา ทำให้เขาโดนปลดออกจากตำแหน่งในปี 2005


ฮันซี่ ฟลิค รับบทผู้ช่วย ตราปัตโตนี่ กับสโมสรเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก


จากนั้น ฟลิค ได้โอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้กับสโมสรเรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมยักษ์ใหญ่ของออสเตรีย ที่มี โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ กุนซือที่ได้ชื่อว่าเป็นบรมครูแห่งวงการฟุตบอล และโลธาร์ มัทเธอุส อีกหนึ่งตำนาน 


แม้ว่าจะเป็นการทำงานในช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เขาได้เรียนรู้จากหนึ่งในกุนซือระดับโลกผู้นี้ ซึ่งเจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่าเขาได้ความรู้ทางด้านศาสตร์ฟุตบอลจาก ตราปัตโตนี่ มากมาย รวมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้เล่น แต่มีหนึ่งสิ่งที่เขาเห็นต่างคือฟุตบอลของ ตราปัตโตนี่ เน้นเกมรับมากเกินไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบที่ ฟลิค สร้างขึ้นจัดอยู่ในสายเกมบุก


ฮันซี่ ฟลิค รับบทผู้ช่วย โยอาคิม เลิฟ ในทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่


หลังออกจาก เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เข้าได้อีกหนึ่งโอกาสครั้งสำคัญกับการรับบทผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2006 ที่ในเวลานั้นมี โยอาคิม เลิฟ คุมทัพ โดยตลอดระยะเวลา 8 ปี ผลงานชิ้นโบว์แดงคือการพาทีมชาติเยอรมันเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2008 ก่อนจะแพ้ให้กับ ทีมชาติสเปน 0-1 และอีก 2 ปีต่อมา เยอรมัน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลก 2010 แต่ก็ไปแพ้ให้กับ สเปนอีกครั้งด้วยสกอร์เดียวกัน ก่อนจะจบด้วยการคว้าอันดับ3 มาครอง


ถัดมาในศึกยูโร 2012 ทีมชาติเยอรมัน ก็ต้องอกหักตกรอบรองชนะเลิศ ด้วยการพ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติอิตาลี 1-2 ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่4 ในปี 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยเส้นทางรอบรองชนะเลิศ ยังถล่มเจ้าภาพด้วยสกอร์ 7-1 และการเอาชนะ อาร์เจนติน่า ในรอบชิงชนะเลิศ ได้อย่างยิ่งใหญ่


หลังเสร็จสิ้นภารกิจผู้ช่วยโค้ชทีมชาติ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการกีฬาของสมาคมฟุตบอลเยอรมัน จนถึงปี 2017 จากนั้นก็ได้กลับมาสู่ทีมเก่าที่เขาเคยคุมทัพอย่าง ฮอฟเฟนไฮม์ ในบทบาทผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร ด้วยสัญญายาว 5 ปี แต่สุดท้ายเขาทำหน้าที่ได้เพียงแค่ 8 เดือนก็มีอันต้องแยกย้าย

ฮันซี่ ฟลิค คุมสโมสรบาเบิร์น มิวนิค


วันที่ 2 กรกฎาคม 2019 ฮันซี่ ฟลิค กลับมาทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาได้โอกาสมาอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศอย่าง บาเบิร์น มิวนิค ที่มี นิโก้ โควัช เป็นเฮดโค้ช ก่อนที่สุดท้าย โควัช จะแยกทางกับทีมด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2019 ส่งผลให้ ฟลิค ได้โอกาสครั้งสำคัญในชีวิตกับการเลื่อนขั้นมาทำหน้าที่กุนซือชั่วคราวของสโมสร และเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ


เขาพา บาเยิร์น มิวนิค เดินหน้าทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ก่อนจะได้เซ็นสัญญาระยะสั้นจนจบฤดูกาล 2019-20 และด้วยผลงานที่ร้อนแรงแบบฉุดไม่อยู่ กวาด 3 แชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ทั้ง บุนเดสลีกา เยอรมัน, เดเอฟเบ โพคาล รวมถึงการพาทีมผงาดคว้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยสถิติชนะรวด 100 เปอร์เซ็นต์ชนิดที่ไม่เคยมีทีมไหนทำได้มาก่อน สุดท้ายบอร์ดบริหารตัดสินใจมอบสัญญาฉบับใหม่ให้เขาคุมทีมยาวไปจนถึงปี 2023 


เท่านั้นยังไม่พอเขายังได้รับรางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีจากยูฟ่ามาครอง จากนั้นในช่วงต้นฤดูกาล 2020-21 เขาพาทีมประเดิมซีซั่นด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ ด้วยการเอาชนะ เซบีย่า และจบฤดูกาลด้วยการป้องกันแชมป์บุนเดสลีกา พ่วงด้วยแชมป์สโมสรมาครองอย่างยิ่งใหญ่


ฮันซี่ ฟลิค ออกจากบาเยิร์น มิวนิค


วันที่ 17 เมษายน 2021 ฟลิค ประกาศข่าวช็อกแฟนๆเมื่อเขาเปิดเผยว่าได้แจ้งกับสโมสรว่าต้องการออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล เพื่อไปรับงานที่ใหญ่กว่ากับการเป็นกุนซือทีมชาติเยอรมัน ทำให้เขาฝากผลงานกับ บาเยิร์นฯ ด้วยการกวาดไป 7 แชมป์ ประกอบไปด้วย บุนเดสลีกา 2 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, เดเอฟแอลซูเปอร์คัพ, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ, ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ


ฮันซี่ ฟลิค คุมทีมชาติเยอรมัน


วันที่ 25 พฤษภาคม 2021 สมาคมฟุตบอลเยอรมันประกาศแต่งตั้ง ฮันซี่ ฟลิค ทำหน้าที่เฮดโค้ชอย่างเป็นทางการ แทนที่ โยอาคิม เลิฟ ซึ่งก็ดูเหมือนจะไปได้สวยในช่วงเริ่มต้น ด้วยการพาทีมไม่แพ้ใครใน 10 นัดแรก แต่พอถึงทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่างฟุตบอลโลก 2022 เขากลับพาทีมจอดป้ายไว้เพียงแค่รอบแบ่งกลุ่ม ทำให้เขาได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น โดยเฉพาะแผลใหญ่กับการพ่าย ทีมชาติญี่ปุ่น 1-2 


ฟลิค ยังคงได้โอกาสทำหน้าที่กับทีมชาติเยอรมันต่อไป แต่แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็มาเกิดขึ้นในการเจอกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในเกมอุ่นเครื่อง ซึ่งทีมชาติเยอรมัน แพ้ไปด้วยสกอร์ 1-4 กลายเป็นการพาทีมพ่าย 3 นัดติดต่อกันในช่วงเวลานั้น และเป็นผลงานที่แย่เกินจะรับได้ ส่งผลให้เขาโดนปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 10 กันยายน 2023 สิ้นสุดการทำงานกับทีมชาติเยอรมัน เอาไว้ด้วยระยะเวลาแค่ 2 ปี พร้อมสถิติย่ำแย่มีอัตราคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์โค้ชทีมชาติเยอรมัน รองจาก เอริช ริบเบ็ค


ฮันซี่ ฟลิค คุมทีมบาร์เซโลน่า


ฟลิค ใช้เวลาพักใจไม่นาน เขาได้อีกหนึ่งโอกาสครั้งสำคัญ คราวนี้เป็นทีมยักษ์ใหญ่จากต่างแดนกับการคุมทีมบาร์เซโลน่า ในศึกลาลีกา สเปน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2024 โดยเซ็นสัญญา 2 ปี กลายเป็นกุนซือสัญชาติเยอรมันคนที่3 ในประวัติศาสตรสโมสร ต่อจาก เฮนเนส ไวส์ไวเลอร์ และอูโด ลัตเท็ก


เพียงแค่ฤดูกาลแรก เขาก็เสกความสำเร็จให้กับบาร์เซโลน่า ที่มีข้อจำกัดด้านการเงิน ส่งผลให้ต้องใช้งานบรรดานักเตะดาวรุ่งที่ผลักดันมาจากลามาเซียอคาเดมีของทีม ด้วยการกวาด 3 แชมป์ในประเทศมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ (ลาลีกาสเปน, โกปา เดล เรย์ และซูเปร์โกปา เด เอสปันญา) พร้อมกับปรุงแต่งบรรดาดาวรุ่งห้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อีกหลายต่อหลายคน ทำให้เขาได้รับการต่อสัญญาออกไปจนึงปี 2027


ในฤดูกาลปัจจุบัน ฟลิค ยังคงพาทีมรักษามาตรฐานที่สูงเอาไว้ได้ แม้จะมีบางเกมที่สะดุดจากแนวทางการเล่นของเขาที่เน้นเกมรุก แผงหลังดันสูง ทำให้มีช่องโหว่ถูกคู่แข่งเจาะเขาทำจนถึงขั้นพ่ายแพ้มาแล้ว อย่างในเกมที่บุกไปโดน เซบีย่า เอาชนะ 4-1 ก็ทำให้เขาได้รับเสียงวิจารณ์ไปพอสมควร


และล่าสุดกับการที่เขาถูกสื่อหยิบยกประเด็นที่เริ่มบ่นเหนื่อยกับทีมของตัวเอง เพราะไม่ได้รับการหนุนหลังจากบอร์ดบริหารเท่าที่ควร นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าด้วยระยะเวลาสัญญาที่เพิ่งจะต่อไปเพิ่มอีก 1 ปี เขาจะยังคงอดทนได้มากพอกับการคุมทีมยักษ์ใหญ่ในต่างแดนต่อไปไหม หรือบางทีอาจจะถึงเวลาที่เขาต้องการคว้าท้าทายครั้งใหม่อีกหน 

ที่มาข้อมูล : wikipedia

ที่มารูปภาพ : AFP