ส่องประวัติ 'โยชัว คิมมิช' จอมเก๋าที่ขาดไม่ได้ของทีมเสือใต้

Share on Line Share on Facebook Share on X
ส่องประวัติ 'โยชัว คิมมิช' จอมเก๋าที่ขาดไม่ได้ของทีมเสือใต้

บาเยิร์น มิวนิค กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2025-26 ที่เปิดฉากมาได้ราว 3 เดือน แต่พวกเขายังคงครองสถิติไร้พ่ายในทุกรายการ โดยมีผลงานชนะ 16 เสมอ 1 จากการลงเล่น 17 นัดในทุกถ้วยนับตั้งแต่เปิดซีซั่น ถือว่าเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากๆ

ปกติพวกเขาก็เป็นทีมที่แกร่งที่สุดใน บุนเดสลีกา เยอรมนี อยู่แล้ว แต่ฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ยิ่งกลายเป็นเหมือนทีมที่ก้าวขึ้นไปอีกเลเวลหนึ่ง น่าเสียดายที่ไปหลุดเสมอกับ อูนิโอน เบอร์ลิน ในเกมนัดที่ 10 ของฤดูกาล แต่ตอนนี้พวกเขาก็ทำแต้มนำอันดับ 2 อย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ไปถึง 6 คะแนนแล้ว 

แถมผลต่างประตูได้เสียก็โหดร้ายมากๆ เมื่อยิงไปถึง 35 ประตูและเสียไปแค่ 6 ลูกเท่านั้นในลีก หักลบออกมาแล้วมีผลเป็นบวกถึง 29 ประตู ขณะที่อันดับ 2 อย่าง ไลป์ซิก แค่บวก 7 เท่านั้น เท่ากับว่าการนำ 6 คะแนนของ บาเยิร์น ต่อให้พวกเขาแพ้ 2 นัดติด ก็ยังไม่ตกจากจ่าฝูง นั่นคือแต้มต่อที่สำคัญมากๆ และทำให้ทีมที่ตามหลังมากยากที่ไล่ตามได้ทัน

นักเตะในทีมแทบทุกคนต่างทำผลงานได้ดี แน่นอนว่าคนที่ดูโดดเด่นที่สุดย่อมต้องเป็นดาวซัลโวอย่าง แฮร์รี่ เคน ที่ยิงไปแล้ว 13 ประตูในลีก คิดเป็น 37% จากจำนวนประตูทั้งหมดที่ บาเยิร์น ทำได้ในบุนเดสลีกา ณ เวลานี้

แต่อีกคนหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญมากๆ เช่นกัน นั่นคือ โยชัว คิมมิช กองกลางจอมเก๋าวัย 30 ปี ที่ได้ลงสนามให้ บาเยิร์น ฤดูกาลนี้ครบทุกเกม โดยเป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนามแค่ 2 เกมเท่านั้น ถือเป็นนักเตะแค่ไม่กี่คนที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี กุนซือของทีมแทบจะไม่กล้าดร็อปออกจากทีมตัวจริงเลย

วันนี้เราจะมาส่องประวัติของเจ้าตัวกันหน่อยว่ามีเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

โยชัว คิมมิช เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1995 ปัจจุบันอายุ 30 ปี เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลจากการเป็นนักเตะเยาวชนะของ สตุ๊ตการ์ท ในปี 2007 ในตอนที่อายุได้ 12 ปี และอยู่กับทีมนานถึง 6 ปีด้วยกัน แต่น่าเหลือเชื่อว่าเขาไม่เคยได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ สตุ๊ตการ์ท เลยแม้แต่นัดเดียว

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่อายุได้ 18 ปี สโมสรอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ตอนนั้นยังอยู่ใน ลีกา 3 เยอรมนี ได้มองเห็นแวว และทำการจ่ายเงินเพียง 5 แสนยูโร ดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ซึ่ง สตุ๊ตการ์ท ก็ได้ใส่เงื่อนไขในการซื้อตัวกลับเอาไว้ แต่เงื่อนไขข้อนี้สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ถูกใช้แต่อย่างใด

คิมมิช ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากกับ ไลป์ซิก ในตำแหน่งแบ็กขวา เขาเป็นตัวหลักให้กับทีมทันทีตั้งแต่ที่ย้ายมา ก่อนจะลงสนามให้ ไลป์ซิก ไปทั้งสิ้น 55 นัดในทุกรายการ ทำไป 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจเซ็นสัญญาดึงตัวมาร่วมทีมล่วงหน้าในเดือนมกราคม 2015 ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร ซึ่งใครจะคิดว่านี่คือหนึ่งในดีลที่คุ้มค่าที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย

สรุปข่าว

ส่องประวัติ 'โยชัว คิมมิช' จอมเก๋าที่ขาดไม่ได้ของทีมเสือใต้ ผู้มีฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอมาตลอด 11 ปี และจะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานนักเตะที่ดีที่สุดอีกคนหนึ่งของ บาเยิร์น มิวนิค

บาเยิร์น มิวนิค กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2025-26 ที่เปิดฉากมาได้ราว 3 เดือน แต่พวกเขายังคงครองสถิติไร้พ่ายในทุกรายการ โดยมีผลงานชนะ 16 เสมอ 1 จากการลงเล่น 17 นัดในทุกถ้วยนับตั้งแต่เปิดซีซั่น ถือว่าเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากๆ

ปกติพวกเขาก็เป็นทีมที่แกร่งที่สุดใน บุนเดสลีกา เยอรมนี อยู่แล้ว แต่ฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ยิ่งกลายเป็นเหมือนทีมที่ก้าวขึ้นไปอีกเลเวลหนึ่ง น่าเสียดายที่ไปหลุดเสมอกับ อูนิโอน เบอร์ลิน ในเกมนัดที่ 10 ของฤดูกาล แต่ตอนนี้พวกเขาก็ทำแต้มนำอันดับ 2 อย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ไปถึง 6 คะแนนแล้ว 

แถมผลต่างประตูได้เสียก็โหดร้ายมากๆ เมื่อยิงไปถึง 35 ประตูและเสียไปแค่ 6 ลูกเท่านั้นในลีก หักลบออกมาแล้วมีผลเป็นบวกถึง 29 ประตู ขณะที่อันดับ 2 อย่าง ไลป์ซิก แค่บวก 7 เท่านั้น เท่ากับว่าการนำ 6 คะแนนของ บาเยิร์น ต่อให้พวกเขาแพ้ 2 นัดติด ก็ยังไม่ตกจากจ่าฝูง นั่นคือแต้มต่อที่สำคัญมากๆ และทำให้ทีมที่ตามหลังมากยากที่ไล่ตามได้ทัน

นักเตะในทีมแทบทุกคนต่างทำผลงานได้ดี แน่นอนว่าคนที่ดูโดดเด่นที่สุดย่อมต้องเป็นดาวซัลโวอย่าง แฮร์รี่ เคน ที่ยิงไปแล้ว 13 ประตูในลีก คิดเป็น 37% จากจำนวนประตูทั้งหมดที่ บาเยิร์น ทำได้ในบุนเดสลีกา ณ เวลานี้

แต่อีกคนหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญมากๆ เช่นกัน นั่นคือ โยชัว คิมมิช กองกลางจอมเก๋าวัย 30 ปี ที่ได้ลงสนามให้ บาเยิร์น ฤดูกาลนี้ครบทุกเกม โดยเป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนามแค่ 2 เกมเท่านั้น ถือเป็นนักเตะแค่ไม่กี่คนที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี กุนซือของทีมแทบจะไม่กล้าดร็อปออกจากทีมตัวจริงเลย

วันนี้เราจะมาส่องประวัติของเจ้าตัวกันหน่อยว่ามีเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

โยชัว คิมมิช เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1995 ปัจจุบันอายุ 30 ปี เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลจากการเป็นนักเตะเยาวชนะของ สตุ๊ตการ์ท ในปี 2007 ในตอนที่อายุได้ 12 ปี และอยู่กับทีมนานถึง 6 ปีด้วยกัน แต่น่าเหลือเชื่อว่าเขาไม่เคยได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ สตุ๊ตการ์ท เลยแม้แต่นัดเดียว

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่อายุได้ 18 ปี สโมสรอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่ตอนนั้นยังอยู่ใน ลีกา 3 เยอรมนี ได้มองเห็นแวว และทำการจ่ายเงินเพียง 5 แสนยูโร ดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ซึ่ง สตุ๊ตการ์ท ก็ได้ใส่เงื่อนไขในการซื้อตัวกลับเอาไว้ แต่เงื่อนไขข้อนี้สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ถูกใช้แต่อย่างใด

คิมมิช ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากกับ ไลป์ซิก ในตำแหน่งแบ็กขวา เขาเป็นตัวหลักให้กับทีมทันทีตั้งแต่ที่ย้ายมา ก่อนจะลงสนามให้ ไลป์ซิก ไปทั้งสิ้น 55 นัดในทุกรายการ ทำไป 3 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ตัดสินใจเซ็นสัญญาดึงตัวมาร่วมทีมล่วงหน้าในเดือนมกราคม 2015 ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร ซึ่งใครจะคิดว่านี่คือหนึ่งในดีลที่คุ้มค่าที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย

ชีวิตการค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค

ช่วงระหว่างปี 2015–2017

คิมมิช ประเดิมสนามให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในวันที่ 9 สิงหาคม 2015 ในเกม เดเอฟเบ โพคาล รอบแรก ที่พบกับ เอฟซี เนิททิงเกน หลังจากนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เป็นกุนซือของทีมเสือใต้ในเวลานั้น ได้มอบโอกาสให้เขาได้ประเดิมสนามในเกมบุนเดสลีกาวันที่ 12 กันยายน โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในช่วงท้ายเกมในนัดที่รับการมาเยือนของ เอาส์บวร์ก

หลังจากนั้นอีก 4 วันต่อมา คิมมิช ได้ลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่ บาเยิร์น บุกไปเยือน โอลิมเปียกอส หลังจากนั้นอีก 3 วันต่อมา เขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในบุนเดสลีกาเป็นครั้งแรก และได้ลงสนามเต็ม 90 นาที ในเกมที่เอาชนะ ดาร์มสตัดท์ ด้วยสกอร์ 3-0

คิมมิช จบฤดูกาลแรกกับ บาเยิร์น ด้วยการลงเล่นในลีกไป 23 นัด เป็นตัวจริง 15 เกม นอกจากนี้เขายังเล่นเต็ม 120 นาที ในศึก เดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศ ปี 2016 ที่ บาเยิร์น เอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมอีกด้วย นั่นทำให้ฤดูกาลแรกของ คิมมิช กับทีมเสือใต้นั้น จบลงด้วยการเป็นดับเบิ้ลแชมป์ทั้ง บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล

ในฤดูกาล 2016–17 คิมมิช เริ่มต้นออกสตาร์ทด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองในเกมที่ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 ในศึก เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ 2016 จากนั้นในวันที่ 9 กันยายน เขาก็ทำประตูแรกในสีเสื้อ บาเยิร์น มิวนิค ได้ ในเกมบุนเดสลีกาที่บุกไปชนะ ชาลเก้ 2-0 จากนั้นอีก 4 วันต่อมา เขาทำ 2 ประตูแรกใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ รอสตอฟ 5-0 จากนั้น คิมมิช ยังยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกม ในเกมที่บุกไปชนะ ฮัมบูร์ก 1-0 ทำให้เขาจบฤดูกาล 2016–17 ด้วยผลงาน 9 ประตู จากการลงเล่น 40 นัด พร้อมกับพาทีมเสือใต้คว้าแชมป์บุนเดสลีกามาครองได้อีกสมัย

ช่วงระหว่างปี 2017–2020

หลังจากการแขวนสตั๊ดของ ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กขวาตัวหลักของทีม ทำให้ คิมมิช ก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงอย่างถาวร เขาเริ่มต้นฤดูกาล 2017-18 ในเกม เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ 2017 และคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หลัง บาเยิร์น เอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในการดวลจุดโทษ 5-4 หลังจากเสมอกัน 2-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

วันที่ 16 กันยายน 2017 เขาทำคนเดียว 3 แอสซิสต์ ในเกมที่ บาเยิร์น ถล่ม ไมนซ์ 4-0 ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม แม้ว่าจะยังเหลือสัญญาอีก 3 ปี แต่ บาเยิร์น ไม่รอช้า จัดการต่อสัญญาใหม่กับ คิมมิช ทันทีในวันที่ 9 มีนาคม 2018 ทำให้สัญญาใหม่จะหมดลงในเดือนมิถุนายน 2023

คิมมิช ยังคงเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวหลักของทีม แถมในบางโอกาสยังสามารถโยกไปเล่นเป็นกองกลางได้ด้วย เขาสามารถทำประตูได้ทั้งนัดแรกและนัดที่สองในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ที่พบกับ เรอัล มาดริด แต่น่าเสียดายที่ บาเยิร์น ต้องเป็นฝ่ายตกรอบไป หลังแพ้ด้วยสกอร์รวม 4-3 อย่างไรก็ดี คิมมิช จบฤดูกาล 2017–18 ด้วยผลงาน 6 ประตู กับอีก 17 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 47 นัดในทุกรายการ และคว้าแชมป์บุนเดสลีกามาครองได้อีกครั้ง เท่ากับว่านับตั้งแต่ย้ายมา คิมมิช พาทีมคว้าแชมป์ลีกมาครอง 3 ปีติดต่อกัน

ในฤดูกาล 2018–19 คิมมิช เริ่มต้นซีซั่นด้วยการลงเล่นในศึก เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ และคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง เมื่อเอาชนะ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ไปอย่างขาดลอย 5-0 จากนั้น คิมมิช ได้ลงเล่นในนัดเปิดสนามของบุนเดสลีกา ในเกมที่พบกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2018 ซึ่ง บาเยิร์น เป็นฝ่ายเอาชนะไป 3-1 ขณะที่ประตูแรกของ คิมมิช ในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นในเกมที่พบกับ ฮันโนเวอร์ ในวันที่ 15 ธันวาคม ก่อนที่จะทำสถิติลงเล่นให้กับ บาเยิร์น ในเกมบุนเดสลีกาครบ 100 นัด ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2019 ในเกมที่เอาชนะ ชาลเก้ ไป 3-1

ในซีซั่นนี้ คิมมิช ถือเป็นกำลังสำคัญที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ เขาลงเล่นเต็ม 90 นาทีในเกมบุนเดสลีกาทั้ง 34 นัด ทำได้ 2 ประตู และจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับสองในการทำแอสซิสต์ในลีกที่ 13 ครั้ง และแน่นอนว่าเป็นอีกครั้งที่ คิมมิช ช่วยให้ทีมเสือใต้คว้าแชมป์บุนเดสลีกามาครอง รวมถึงยังได้แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล มาครองได้ด้วยในปีนี้

ในฤดูกาล 2019–20 ซึ่งเป็นปีที่ทั่วโลกต้องเจอกับการระบาดของ โควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับโปรแกรมตามความเหมาะสม แต่กระนั้นไฮไลท์สำคัญของ คิมมิช คือการทำ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ ในเกมที่เอาชนะ บาร์เซโลน่า ถล่มทลาย 8-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2020 จากนั้นในวันที่ 23 สิงหาคม คิมมิช ทำแอสซิสต์สำคัญให้ คิงส์เลย์ โกมัน ยิงประตูชัยในเกมรอบชิงชนะเลิศ ที่เอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ไป 1-0 

ทำให้ คิมมิช คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้เป็นสมัยแรกของตนเองได้สำเร็จ และเป็นสมัยที่ 6 ของ บาเยิร์น มิวนิค นอกจากนี้ คิมมิช ยังจบซีซั่นนี้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการพาทีมเสือใต้คว้า "ทริปเปิ้ลแชมป์" ได้อีกด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้แชมป์บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล มาครองได้ก่อนแล้ว

ช่วงระหว่างปี 2020–2024

คิมมิช เริ่มต้นฤดูกาล 2020–21 ด้วยการเปลี่ยนไปสวมเสื้อหมายเลข 6 แทนที่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ซึ่งใส่มา 7 ปี ก่อนที่นักเตะจะย้ายไป ลิเวอร์พูล นอกจากนี้ คิมมิช ยังถูกโยกบทบาทมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับเป็นหลัก ภายใต้การคุมทีมของโค้ช ฮันซี่ ฟลิค

หลังจากนั้น คิมมิช ก็ยังเป็นตัวหลักของทีมอย่างต่อเนื่อง พาทีมคว้าแชมป์อีกมากมาย ทั้งแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ต่อด้วยแชมป์บุนเดสลีกาอีก 4 สมัยติดต่อกัน พลาดไปเพียงแค่ฤดูกาล 2023-24 เท่านั้น ซึ่งในปีดังกล่าว ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาก เมื่อสามารถคว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปครองแบบไร้พ่ายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์

แต่นั่นก็ทำให้ คิมมิช คว้าแชมป์บุนเดสลีกากับ บาเยิร์น มาครองได้ถึง 9 สมัยจาก 10 ฤดูกาลที่ลงเล่นให้กับทีมเสือใต้ ถือว่าเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากเช่นกัน เพราะเขาเป็นตัวหลักให้กับทีมตลอดทั้ง 10 ปีที่ผ่านมา นั่นทำให้ในวันที่ 13 มีนาคม 2025 แม้ว่าจะมีอายุครบ 30 ปีแล้ว แต่ คิมมิช ก็ยังได้ต่อสัญญาใหม่กับ บาเยิร์น อีกครั้ง โดยคราวนี้สัญญาจะไปหมดลงในปี 2029

ส่วนผลงานในฤดูกาลปัจจุบันก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะ คิมมิช เป็นตัวหลักของทีมแบบลงสนามครบทุกเกม ทำไปแล้ว 1 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 17 นัดในทุกรายการ และเมื่อดูจากทิศทางแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่ฤดูกาลนี้ บาเยิร์น จะสามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ได้แบบครบทุกรายการ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ผ่านครึ่งทางของฤดูกาล 2025-26 เลยก็ตาม

เส้นทางในทีมชาติเยอรมนี

คิมมิช เริ่มต้นติดทีมชาติชุดใหญ่ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2016 เมื่อมีชื่ออยู่ในทีมชาติเยอรมนีชุดเบื้องต้น 27 คน ที่จะใช้ลงเล่นในศึก ยูโร 2016 จากนั้นในวันที่ 29 พฤษภาคม เขาก็ได้ประเดิมสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่ ในเกมกระชับมิตรที่ เยอรมนี พ่ายคาบ้านต่อสโลวาเกีย 1-3

จากนั้นในวันที่ 31 พฤษภาคม คิมมิช มีชื่อติดทีมชุดสุดท้าย 23 คน ในการลุยศึกยูโร 2016 ที่ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ จากนั้นในวันที่ 21 มิถุนายน เขาก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี นัดสุดท้ายที่ เยอรมนี เอาชนะ ไอร์แลนด์เหนือ ไป 1-0 จากนั้นเขาก็ยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมอินทรีเหล็กไปตลอดการแข่งขันจนกระทั่งรอบรองชนะเลิศ ที่แพ้ ฝรั่งเศส ไป 0-2 แต่กระนั้นด้วยฟอร์มที่โดดเด่น ทำให้ คิมมิช ได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2016

วันที่ 4 กันยายน 2016 คิมมิช ทำประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จ ในเกมที่ เยอรมนี เอาชนะ นอร์เวย์ 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก และแน่นอนว่า คิมมิช ไม่พลาดที่จะเป็นหนึ่งในขุนพลอินทรีเหล็ก 23 คนของ โยอาคิม เลิฟ ในการลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย เป็นเจ้าภาพ

อย่างไรก็ตาม เยอรมนี กลับโชว์ผลงานในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อมีสถิติชนะ 1 แพ้ 2 ในรอบแบ่งกลุ่ม เก็บได้เพียง 3 คะแนน จบในอันดับบ๊วยของกลุ่มเอฟ ต้องตกรอบแรกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

แต่กระนั้น สำหรับ คิมมิช แล้ว เขายังคงเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติเยอรมนีมาโดยตลอด แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ เยอรมนี ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ใดๆ มาครองได้เลย นับตั้งแต่แชมป์ฟุตบอลโลก 2014 โดยปัจจุบัน คิมมิช ลงเล่นให้กับทีมชาติไปแล้วทั้งสิ้น 106 นัด ทำไปแล้ว 10 ประตูด้วยกัน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นประวัติและเส้นทางการค้าแข้งของ โยชัว คิมมิช สุดยอดดีลที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลอีกคนหนึ่งของ บาเยิร์น มิวนิค ที่อยู่กับทีมมาเป็นฤดูกาลที่ 11 แล้ว และพาทีมกวาดแชมป์มาครองได้อย่างมากมาย ด้วยสัญญาใหม่ที่เพิ่งต่อออกไป หากว่าเขาอยู่จนครบสัญญา จะทำให้ คิมมิช อยู่กับทีมเสือใต้ยาวนานถึง 14 ปี และในวันที่เขาอำลาทีม เขาจะกลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน...

เกียรติประวัติของ โยชัว คิมมิช

บาเยิร์น มิวนิค

แชมป์ บุนเดสลีกา : 2015–16, 2016–17, 2017–18, 2018–19, 2019–20, 2020–21,  2021–22, 2022–23, 2024–25

แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล : 2015–16, 2018–19, 2019–20

แชมป์ เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ : 2016, 2017, 2018, 2020, 2021, 2022, 2025

แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 2019–20

แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ : 2020

แชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2020

ทีมชาติเยอรมนี ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี

แชมป์ ยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี : 2014

ทีมชาติเยอรมนี

แชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ : 2017

ดูบอลสดครบทั้งลีก และถ้วยยุโรปชั้นนำ อาทิ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูฟ่า ยูโรปา ลีก / ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก / ลาลีกา / บุนเดสลีกา / เซเรีย อา และอีกมากมายกว่า 2,000 แมตช์ ตลอดฤดูกาล 2025/26

📲สมัครและดูได้แล้ววันนี้ Now Football 199 บาท/เดือน (1 จอ ดูได้ทุกอุปกรณ์) คลิก : https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/1rsb84q1

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : AFP