“ไซเรียนอฟ-ภัทรพล” แชมป์ฟูลมาราธอน ภูเก็ตธอน 2020

สรุปข่าว

วันที่ 15 พ.ย.63 นายณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย มร.ทาคายูกิ คูชิดะ Managing Director บริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด และผู้สนับสนุนทุกภาคส่วน ร่วมปล่อยตัวนักวิ่ง “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ประเภท ฟูลมาราธอน 42.195 กม. และ ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต โดยการชิงชัยประเภทโอเวอร์ออลในปีนี้ แยกผลการแข่งขันระหว่างนักวิ่งไทยและนักวิ่งต่างชาติออกจากกัน


ไฮไลท์ของรายการในประเภทฟูลมาราธอน 42.195 กม. แชมป์โอเวอร์ออล แชมเปี้ยนชิพ A (ต่างชาติ) ฝ่ายชาย เป็นของ เซอร์เก ไซเรียนอฟ ปอดเหล็กดาวรุ่งชาวรัสเซีย ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ด้วยเวลา 02:32:25 ชม. ส่วน แชมป์โอเวอร์ออล แชมเปี้ยนชิพ A (ต่างชาติ) ฝ่ายหญิง คือ ดอร์คัส ทารัส นักวิ่งชาวเคนย่า ทำเวลาได้  03:12:16 ชม. คว้าแชมป์และเงินรางวัลคนละ 20,000 บาท ไปครอง


ขณะที่ผลการแข่งขันของนักวิ่งไทยที่ทำเวลาได้ดีที่สุด แชมป์โอเวอร์ออล แชมเปี้ยนชิพ B (ไทย) ตกเป็นของ ภัทรพล น้อยหมอ ปอดเหล็กหนุ่มจากเชียงราย ทำเวลาได้ 02:45:30 ชม. คว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท ตามมาด้วยอันดับ 2 “หมีฟาร่าห์ ” ธวัชชัย หกพันนา เวลา 02:46:24 ชม. รับเงินรางวัล 15,000 บาท และอันดับ 3 “จ่าเอียด” จ.ส.ท.สุพิศ จันทรัตน์ เวลา 02:49:13 ชม. รับเงินรางวัล 10,000 บาท ส่วน นักวิ่งหญิงไทย ปีนี้ไม่มีปอดเหล็กลงชิงชัยในประเภทแชมป์เปี้ยนชิพ ระยะฟูลมาราธอน โดยเป็น วิไลวรรณ ขำพิทักษ์ นักวิ่งจากรุ่นอายุ 30-39 ปี ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกของคนไทย ด้วยเวลา 03:46:57 ชม.


ด้าน ฮาล์ฟ มาราธอน 21.1 กม. แชมป์โอเวอร์ออล แชมเปี้ยนชิพ ฝ่ายชาย ตกเป็นของ “บิ๊ก” ณัฐวุฒิ อินนุ่ม เจ้าของสถิติฮาล์ฟมาราธอนประเทศไทย โดยรายการนี้ทำเวลาได้ 01:09:55 ชม.  ส่วน แชมป์โอเวอร์ออล แชมเปี้ยนชิพ ฝ่ายหญิง คือ “สายฝน” ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ นักวิ่งทีมชาติไทย ดีกรีเหรียญทองมาราธอนหญิง ซีเกมส์ 2015 โดยทำเวลาได้ 01:35:02 ชม. โดยทั้งคู่คว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัลคนละ 15,000 บาท ไปครอง


สำหรับ เทศกาลวิ่ง “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” จัดขึ้นภายใต้การรับรองจาก สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (World Athletics) สมาพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (AAA) และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นสนามวิ่งที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งนักวิ่งทั่วโลกจะได้สัมผัสความสวยงามของ “แหลมพรหมเทพ” จุดชมวิวระดับโลกและวิวทิวทัศน์อันงดงามของท้องทะเลอันดามัน รวมถึงย้อนรอยอดีตไปกับสถาปัตยกรรมตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีส สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/Phukethon

ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ