Bikedrive Air S มอเตอร์ e-bike ขนาดเล็กจาก Maxon เพิ่มพลังขับเคลื่อน 3 เท่า แรงบิดจาก 30 เป็น 90 Nm

การออกแบบและรูปลักษณ์ภายนอก

ที่มาของภาพ
Maxon Bike

แม็กซ์ซอน ไบค์ไดรฟ์ แอร์ เอส (Maxon Bikedrive Air S)  มีลักษณะภายนอกที่ใช้การออกแบบแบบซ่อนมอเตอร์และชุดขับเคลื่อนให้เป็นส่วนหนึ่งของเฟรมจักรยาน (Invisible Integration) ทำให้ภายนอกดูเหมือนจักรยานธรรมดา แต่ซ่อนพลัง e-bike ไว้ภายใน 

ตัวมอเตอร์ใช้โครงสร้างแบบรูปทรงกระบอกแบบแยกส่วน (Split-Cylinder) หรือกระบอกคู่ที่วางตั้งฉากกัน ช่วยให้บริเวณจุดติดตั้งมอเตอร์ (bottom bracket) ไม่หนาจนเกินไป โดยจะเห็นเพียงความบวมเล็กน้อยที่ท่อนล่างของเฟรม (down tube) เพื่อรองรับมอเตอร์และแบตเตอรี่ ซึ่งมีให้เลือกทั้งความจุ 400 วัตต์-ชั่วโมง (Wh) และ 600 วัตต์-ชั่วโมง (Wh) 

ที่มาของภาพ
Maxon Bike
การออกแบบโดยรวมเน้นความเพรียว เรียบ และสะอาดตา ไม่มีโลโก้เด่นจนรบกวนเส้นสายเฟรม ด้านบนของท่อนบน (top tube) จะมีคอนโทรลเลอร์แบบมินิมอล ใช้สำหรับปรับโหมดการช่วยปั่น ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับรีโมตขนาดเล็กบนแฮนด์หรือควบคุมผ่านแอปได้ 

ที่มาของภาพ
Maxon Bike

การเปรียบเทียบการพัฒนามอเตอร์รุ่นเดิมและรุ่นใหม่

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ แม็กซ์ซอน ไบค์ไดรฟ์ แอร์ (Maxon Bikedrive Air) คือมอเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังจักรยานเสือภูเขาไฟฟ้าแบบ ฟูลซัสเพนชัน (full-suspension) หรือจักรยานเสือภูเขาที่ติดตั้งระบบช่วยปั่นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และมีระบบกันสะเทือนทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่เบาที่สุดในโลกอย่าง ทอมัส ไลท์ไรเดอร์ อี อัลติเมท (Thömus Lightrider E Ultimate) ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 14.8 กิโลกรัม ระบบขับเคลื่อนรุ่นเดิมให้กำลัง 220 วัตต์ พร้อมแรงบิด 30 นิวตัน-เมตร ซึ่งยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานตลาดในปัจจุบันที่สูงถึง 100 นิวตัน-เมตร

ที่มาของภาพ
Maxon Bike

ล่าสุด แม็กซ์ซอนได้พัฒนา ไบค์ไดรฟ์ แอร์ เอส (Bikedrive Air S) ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมอเตอร์รุ่นใหม่นี้สามารถเพิ่มแรงบิดได้สูงถึง 90 นิวตัน-เมตร (Nm) และมีกำลังสูงสุดที่ 620 วัตต์ ซึ่งใกล้เคียงกับสามเท่าของรุ่นเดิม ทั้งหมดนี้ทำได้โดยการเพิ่มน้ำหนักของตัวมอเตอร์เพียง 100 กรัม ทำให้มอเตอร์มีน้ำหนักรวม 2.0 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับแบตเตอรี่ความจุ 400 วัตต์-ชั่วโมง (Wh) น้ำหนักรวมของระบบจะอยู่ที่ 3.8 กิโลกรัม อีกทั้งแม็กซ์ซอนยังมีแผนจะเปิดตัวแบตเตอรี่ความจุ 600 วัตต์-ชั่วโมง (Wh) และตัวขยายระยะทาง (range extender) ขนาด 250 วัตต์-ชั่วโมง (Wh) เพิ่มเติมในอนาคต อย่างไรก็ตาม การชาร์จแบตเตอรี่ 0% ถึง 80% ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามแม็กซ์ซอนระบุว่า ระบบขับเคลื่อนรุ่น Air S ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อจักรยานเสือภูเขาเพียงอย่างเดียว แต่สามารถนำไปใช้ได้กับจักรยานหลากหลายประเภท ทั้ง กราเวลไบค์ (Gravel bikes) หรือ จักรยานที่ออกแบบมาให้ปั่นได้ทั้งบนถนนเรียบและทางลูกรังหรือทางผสม และจักรยานสำหรับในเมือง (Urban platforms) เพื่อรองรับตลาดอีไบค์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้มีผู้ผลิตจักรยานบางรายที่เริ่มนำมอเตอร์ Air S ไปใช้งานแล้ว อย่างเช่น อินสติงค์ทีฟ (Instinctiv) แบรนด์จากเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ที่เปิดตัวรุ่น โอเซล็อต (Ocelot) โดยรุ่นที่เบาที่สุดมีน้ำหนัก 18.7 กิโลกรัม และมีราคาเริ่มต้นที่ 8,010 ยูโร หรือประมาณ 310,680 บาท ซึ่งเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้ว

ที่มาของภาพ
instinctiv.bike

ส่วนทางด้านของ ทอมัส (Thömus) ก็มีแผนจะนำมอเตอร์ Air S ไปใช้กับรุ่นใหม่คือ ไลท์ไรเดอร์ อี แม็กซ์ (Lightrider E Max) ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 และเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ส่วนรุ่น ไลท์ไรเดอร์ อี อัลติเมท (Lightrider E Ultimate) เดิมที่ใช้มอเตอร์ Air รุ่นแรกจะยังคงมีจำหน่ายต่อไปในฐานะตัวเลือกที่เบากว่าและกำลังน้อยกว่า ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 5,990 สวิสฟรังก์ หรือประมาณ 232,412 บาท