“อิรัก” เปิดตัว “โรงปลูกข้าวบาร์เลย์ไฮโดรโปนิกส์” สู้ภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ

“อิรัก” เปิดตัว “โรงปลูกข้าวบาร์เลย์ไฮโดรโปนิกส์” สู้ภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ

กรมเกษตรบัสรา (Basra) ของอิรัก ร่วมกับโครงการอาหารโลก (WFP) ริเริ่มโครงการนำร่องในการมอบโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิ สำหรับปลูกข้าวบาร์เลย์แบบไฮโดรโปนิกส์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้สามารถรับมือกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ และยังคงมีแหล่งอาหารสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ยั่งยืน

สรุปข่าว

กรมเกษตรบัสราของอิรักร่วมกับโครงการอาหารโลก (WFP) ได้ริเริ่มโครงการนำร่องช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ด้วยการมอบ โรงเรือนควบคุมอุณหภูมิสำหรับปลูกข้าวบาร์เลย์แบบไฮโดรโปนิกส์ ปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้ว 100 แห่งในจังหวัดบัสรา, ดีการ์ และไมซาน ซึ่งการปลูกแบบนี้ช่วยให้พืชโตเร็วกว่าปกติ 2 เท่า และยังใช้น้ำน้อยลงถึง 90%

กรมเกษตรบัสรา (Basra) ของอิรัก ร่วมกับโครงการอาหารโลก (WFP) ริเริ่มโครงการนำร่องในการมอบโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิ สำหรับปลูกข้าวบาร์เลย์แบบไฮโดรโปนิกส์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้สามารถรับมือกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ และยังคงมีแหล่งอาหารสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ยั่งยืน

โครงการมุ่งเป้าไปการแก้ภัยแล้งให้การเกษตร

โครงการนี้มุ่งเป้าไปที่เกษตรกรในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ทั้งในจังหวัด บัสรา, ดีการ์ (Dhi Qar) และไมซาน (Maysan) เพื่อป้องกันการย้ายถิ่นฐานอันเนื่องมาจากการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม โดยปัจจุบันมีการติดตั้งโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิแล้ว 100 แห่งในจังหวัดเหล่านี้

ปัจจุบัน อิรักกำลังเผชิญกับวิกฤตความมั่นคงทางน้ำอย่างรุนแรง เนื่องจากภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการเพาะปลูกข้าวบาร์เลย์แบบดั้งเดิม ต้นตอของวิกฤตครั้งนี้มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การสร้างเขื่อนในตุรกีและอิหร่าน, เทคนิคการชลประทานที่ล้าสมัย และการขาดแผนการบริหารจัดการระยะยาว

กรมเกษตรบัสราระบุว่าโรงเรือนควบคุมอุณหภูมิแต่ละแห่งที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการอาหารโลก (WFP) มีมูลค่าการติดตั้งอยู่ที่ประมาณ 15,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 490,000 บาทต่อหลัง

เทคโนโลยีที่ใช้ในการปลูกข้าวบาร์เลย์

โรงเรือนเหล่านี้ใช้สำหรับการปลูกข้าวบาร์เลย์แบบไฮโดรโปนิกส์ (hydroponic) หรือการปลูกพืชโดยไม่ใช่ดิน เช่น การปลูกพืชในน้ำที่ผสมสารละลายธาตุอาหาร ทำให้พืชเติบโตเร็วกว่าการเพาะปลูกแบบดั้งเดิมถึง 2 เท่าและยังใช้ทรัพยากรน้ำน้อยลงถึงร้อยละ 90 

ทั้งนี้มีรายงานจากสถาบัน ชาแทม เฮาส์ (Chatham House) ที่ระบุว่าใน ปัจจุบัน อิรัก มีปริมาณน้ำสำรองต่ำที่สุดในรอบกว่า 80 ปี โดยลดลงจากประมาณ 18,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเมื่อปีที่แล้ว เหลือเพียงประมาณ 10,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีครอบครัวมากกว่า 10,000 ครัวเรือนต้องพลัดถิ่น เนื่องจากปัญหาขาดแคลนน้ำ แม่น้ำหดตัว และพื้นที่ชุ่มน้ำแห้งขอด

โครงการนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม สามารถเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือชุมชนที่เปราะบางให้สามารถปรับตัวและเอาชนะวิกฤตที่ท้าทายได้อย่างยั่งยืน และนำไปใช้เพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในอนาคต